"จุรินทร์" เร่งจบประชุม RCEP ทันปีนี้

2019-10-12 23:30:30

"จุรินทร์" เร่งจบประชุม RCEP ทันปีนี้

Advertisement

"จุรินทร์" งัดทุกศิลปะเจรจา เร่งจบประชุม RCEP ทันปีนี้ เพื่อประโยชน์การค้าของไทยและเพื่อนสมาชิก 

เมื่อเวลา 20.15น. วันที่ 12 ต.ค. นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ( Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 9 หรือประเทศอาเซียนบวกกับอีก 6 ประเทศ ระหว่างวันที่ 11-12 ต.ค. 2562 ที่โรงแรม ดิแอทธินี กรุงเทพฯ 

หลังจากจบการประชุม นายจุรินทร์กล่าวว่า การเจรจามีความคืบหน้าเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้ นับเนื่องจากช่วงระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะในรอบดานัง เวียดนาม ซึ่งเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสครั้งล่าสุด สามารถดำเนินการให้เกิดความคืบหน้าในเรื่องของการเปิดตลาดทั้งเรื่องสินค้า และการบริการ และการลงทุนได้ถึงร้อยละ 80 จากเดิมร้อยละ 70 ซึ่งถ้าจะดูเฉพาะข้อบทจาก 20 ข้อบทนั้น ถือว่าจบไปแล้วทั้งหมด 14 ข้อบท เหลือค้างเพียงแค่ 6 ข้อบท ซึ่งในจำนวน 6 ข้อบทนั้นเกือบจะจบแล้ว 


หลังจากนี้ไปจะมีการประชุมระดับ TNC หรือเจ้าหน้าที่อาวุโส มีอีกครั้งหนึ่งในช่วงระยะเวลา 10 วันถัดจากนี้ไปที่จะต้องมีการดำเนินการให้เสร็จสิ้นในส่วนที่เหลืออยู่โดยจะมีการประชุมในช่วงวันที่ 14 - 19 ต.ค. 2562 ที่กรุงเทพมหานคร และจะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งหนึ่งในวันที่ 1 พ.ย. 2562 พี่กรุงเทพมหานคร หลังจากนั้นทุกประเทศตั้งเป้าหมายร่วมกันที่จะประชุมระดับผู้นำประเทศในวันที่ 4 พ.ย. 2562 โดยทุกประเทศตั้งเป้าหมายร่วมกันชัดเจนว่าจะช่วยกันระดมการอจรจาให้จบสิ้นในปีนี้ให้ได้

รายงานข่าวกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า สรุปได้แล้วว่าเจรจาจบไปแล้ว 14 บทและ 3 ภาคผนวกจากทั้งหมด 20 บทและ 3 ภาคผนวก สำหรับอีก 6 บทที่เหลือนั้น ได้แก่ บทการเยียวยาทางการค้า บทการแข่งขัน บทการค้าบริการ บทกฎถิ่นกำเนิดสินค้า บทการลงทุน และบทพาณิชย์อยู่เล็กทรอนิก ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาชิก RCEP ต้องเร่งหาข้อสรุปในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ก่อนนำเสนอผู้ประกาศสรุปผลการเจรจาต่อไปในช่วงการประชุมสุดยอด RCEP 

รายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้หรือเพียง 20 วันก่อนการประชุมระดับผู้นำโดยทุกประเทศพร้อมจับมือสู่การประกาศสรุปการเจรจา ซึ่งการประชุมยังเหลืออยู่ในปีนี้คือการประชุมระดับเจ้าหน้าที่และการประชุมระดับรัฐมนตรีอาร์เซ็ป รวมทั้งการประชุมสุดยอดอาร์เซ็ป หรือระดับผู้นำ ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพปีนี้ 


อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับความสำคัญของการประชุมเหล่านี้ ทั้งนี้หากความตกลงอาเซียน มีผลบังคับใช้จะครอบคุมตลาดขนาดใหญ่ ที่มีประชากรรวมกันกว่า 3,500 ล้านคนหรือเกือบครึ่งของประชากรโลก และมีมูลค่าจีดีพีกว่า 27.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 32.3% ของจีดีพีโลกซึ่งมีมูลค่าการค้ารวมกว่า 11.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 29.3% ของมูลค่าการค้าโลกนอกจากนี้ความตกลง RCEP จะช่วยลดความซ้ำซ้อนเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า ประสานกฎระเบียบและมาตรการทางการค้าส่งผลให้มีการยอมรับกฎเกณฑ์ด้านมาตรฐานต่างๆระหว่างกันและสร้างความเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตซึ่งจะนำไปสู่การขยายตัวทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาค