นายพินิจ งามพริ้ง อดีตแกนนำกลุ่มเชียร์ไทย เพาเวอร์ และอดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในปี 2556 หรือในชื่อใหม่ "พอลลีน งามพริ้ง" ได้เปิดใจผ่านรายการ นิวโต๊ะข่าว ทางช่อง new18
รายการ นิวโต๊ะข่าว เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2560 เวลา 15.00น. ผู้ดำเนินรายการคุณ ปวัน สิริอิสสระนันท์ ได้เปิดใจคุณ พอลลีน งามพริ้ง โดยเจ้าตัวเผยว่า เพิ่งกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาได้สัปดาห์กว่า ๆ แล้ว และความเป็นพินิจก็ไม่ได้หายไปอยู่มาตลอด พร้อมกับความเป็นพอลลีน แต่ตอนนั้นพอลลีนถูกพินิจกดเอาไว้ เพราะไม่ยอมรับว่าเป็น แต่ปัจจุบันพอลลีนขึ้นมามีบทบาท ถ้าเรายอมรับตรงนี้ได้เราก็จะได้ไม่ต้องทำอะไรที่มันสุดโต่งมากเกินไป ทั้งชีวิตเหมือนกับสู้กันในจิตใจมาโดยตลอด ระหว่างพินิจกับพอลลีน จิตใจเราเป็นผู้หญิงแต่ว่าเราก็มีลักษณะนิสัยบางอย่างที่เป็นผู้ชาย สมองเรายังเป็นสมองเดิม ไม่ได้ไปผ่าตัดเปลี่ยนสมอง แค่จิตใจเราได้แสดงออกที่มันเป็นตัวของตัวเอง ที่ตัวเองอยากจะทำ อยากจะเป็น นี่คือตัวตนของเราที่เรารู้สึกมาตั้งแต่เด็ก เพียงแต่เราพยายามกดทับเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมา
เมื่อถามว่า ทำไมถึงต้องพยายามกดทับมันมาตลอดเกือบทั้งชีวิต พอลลีน งามพริ้ง ตอบว่า ก็เพราะว่าตอนนั้นเราไม่ได้เข้มแข็งพอที่จะค้านสังคม ตั้งแต่จำความได้ 5 ขวบ เราก็มีความรู้สึกอยากเป็นผู้หญิงแล้ว กระทั่งอายุ 45 ปี ก็ไปหาจิตแพทย์ ว่าจะแก้ให้เรามีจิตใจเป็นผู้ชายเหมือนเดิมได้ไหม ความคิดที่อยากเป็นผู้หญิงแก้ให้มันหายไปได้ไหม หมอก็บอกมันทำไม่ได้เพราะแก้ที่ใจยากกว่าแก้ที่กาย สุดท้ายมันก็ไม่เปลี่ยนเพราะว่ามันเป็นจิตใต้สำนึก
"ตอนแรกตนก็ไม่ได้ตั้งใจจะเปิดตัว แต่เป็นข่าวขึ้นมาก็ตกใจ แล้วก็คิดว่าอะไรที่เกิดขึ้นแล้วล้วนเป็นสิ่งดี ส่วนตัวไม่ได้กลัวหรืออาย แต่ที่กังวลคือคนอื่นที่รู้จักเราเขาจะรู้สึกยังไง เขาจะช็อก หัวใจวายไหม"
คุณพอลลีน งามพริ้ง กล่าวเพิ่มเติมว่า เราอยากจะเป็นผู้ชายที่ดี ก็เริ่มตั้งแต่กิริยา ท่าทาง ตั้งแต่เด็กก็ต้องฝึก เล่นกีฬา ออกกำลังกาย ต้องทำให้ดี ไม่ใช่ตั้งใจจะปิดบัง ส่วนคำถามยอดฮิตที่ถามตนว่าอยากผ่าตัดไหม ก็อยากเป็นผู้หญิงอะ แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้น อวัยวะเพศเป็นแค่จุดหนึ่ง ตอนนี้จิตใจเป็นผู้หญิงแล้ว อย่างอื่นมันจะตามมาเองถ้าถึงเวลา ที่เปิดตัวเป็นพอลลีน โลกมันก็มีสองฝั่ง เหรียญมันก็มีสองด้าน ไม่ได้คิดว่าทุกคนเห็นด้วยหมด ควรต้องพิสูจน์ตัวเอง เราอาจโชคดีที่เราเคยทำอย่างอื่นมาก่อน คนก็อาจเห็นความดีตรงนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะทำอะไรก็ได้ ยิ่งคนชื่นชมหรือให้กำลังใจ เรายิ่งต้องทำให้ดีมากขึ้น เป็นความเครียดที่เราจะต้องทำอะไรให้มีคุณค่ากับคนอื่น แล้วก็ไม่เคยเสียดายที่เป็นพินิจมาก่อน
ส่วนแวดวงฟุตบอล ก็มองเรื่องช่องว่างของการเติมเต็มฟุตบอลสำหรับเพศที่สาม เพราะเรายังชอบฟุตบอลอยู่ ยิ่งอะไรที่เป็นไปได้ยากยิ่งน่าทำ