ผลการสำรวจคะแนนนิยม บรรดาผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ชิงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ฝ่ายค้านของสหรัฐ เพื่อคว้าสิทธิลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่กำหนดจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. ปีหน้า ล่าสุดปรากฎว่า นางเอลิซาเบ็ธ วอร์เรน สมาชิกวุฒิสภารัฐแมสซาชูเซตส์ มีคะแนนิยมแซงหน้า นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดี ที่มีคะแนนนำหน้ามาตลอด เป็นครั้งแรก
การแข่งขันชิงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เริ่มมีความสูสีคู่คี่มากขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ค. เมื่อเสียงสนับสนุนต่อไบเดนวัย 76 ปี เริ่มลดลง สวนทางกับวอร์เรนวัย 70 ปี ที่เพิ่มขึ้น โดยวอร์เรนโหมรณรงค์หาเสียงอย่างหนัก ตลอดช่วงฤดูร้อน ขณะที่ไบเดนได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ และคำพูดที่ผิดพลาด
โพลสำรวจล่าสุดของสำนัก เดอะ เรียลเคลียร์โพลิติกา (The RealClearPolitics) พบว่า คะแนนนิยมต่อนางวอร์เรน อยู่ที่ 26.6 % ส่วนไบเดนอยู่ที่ 26.4 %
ส่วนตัวเลขจำนวนเงินบริจาคช่วยหาเสียงจากประชาชน ปรากฎว่า ในช่วงไตรมาส 3 หรือระหว่างเดือน ก.ค. จนถึงเดือน ก.ย. ของปีนี้ นายเบอร์นี่ แซนเดอร์ วุฒิสมาชิกจากรัฐเวอร์มอนต์ วัย 76 ปี ซึ่งมีคะแนนนิยมจากการสำรวจเป็นอันดับ 3 ที่ 14.6 % สามารถระดมเงินได้มากที่สุด จำนวน 25.3 ล้านดอลลาร์ หรือ 768 ล้านบาท ตามด้วยนางวอร์เรน 24.6 ล้านดอลลาร์ หรือ 747 ล้านบาท และไบเดน 15.2 ล้านดอลลาร์ หรือ 461 ล้านบาท
โฆษกทีมงานหาเสียงของนางวอร์เรน เผยว่า เงินบริจาคช่วยหาเสียง ในช่วงไตรมาส 3 นางวอร์เรนได้รับจากประชาชน 943,000 คน ซึ่งโดยเฉลี่ยเท่ากับประชาชนผู้สนับสนุนควักเงินช่วยเธอคนละ 26 ดอลลาร์ หรือ 790 บาท.