กลุ่มผู้ประท้วงชนเผ่าพื้นเมืองชาวเอกวาดอร์ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการล้มเลิกนโยบายอุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ปะทะกับกองกำลังรักษาความมั่นคงภายในอาคารรัฐสภาที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาในกรุงกีโต เมืองหลวงเอกวาดอร์เมื่อวันอังคาร หลังความรุนแรงที่ยืดเยื้อมาเกือบ 1 สัปดาห์ บีบให้ประธานาธิบดีเลนิน โมเรโน ผู้นำเอกวาดอร์ ต้องย้ายสถานที่ทำงานของรัฐบาลออกจากกรุงกีโต ไปยังเมืองกัวยากิล เมืองชายฝั่งทะเล ที่ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย โดยกลุ่มผู้ประท้วงบุกฝ่าแนวกั้นของตำรวจก่อนถูกผลักดันกลับออกมาด้วยแก๊สน้ำตา
ประธานาธิบดีโมเรโน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ล้มเหลว ไม่สามารถหยุดการประท้วง ซึ่งนำโดยชาวชนเผ่าพื้นเมืองได้ กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลล้มเลิกมาตรการรัดเข็มขัดและกลับไปใช้นโยบายอุดหนุนราคาน้ำมันเหมือนเดิม หลังราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัว หรือกว่า 100% ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลประกาศเลิกอุ้มราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความวุ่นวายที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี รัฐบาลเอกวาดอร์ แถลงว่าเปิดกว้างรับการไกล่เกลี่ยจากต่างประเทศโดยผ่านสหประชาชาติ หรือยูเอ็น หรือศาสนจักรโรมันคาทอลิก
ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งบางคนมีโล่ไม้เป็นอาวุธ บุกฝ่าแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง รอบอาคารสมัชชาแห่งชาติ หรืออาคารรัฐสภาเมื่อวันอังคาร ซึ่งเมื่อเข้าไปภายในได้ พวกเขาโบกธงชาติและตะโกนถ้อยคำต่อต้านรัฐบาล ก่อนถูกกองกำลังรักษาความมั่นคงผลักดันออกมาด้วยการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ อย่างไรก็ตาม ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ภายในอาคารในช่วงที่ม็อบบุกเข้าไปในรัฐสภา
ก่อนหน้านี้ การชุมนุมประท้วง ที่นำโดยชนเผ่าพื้นเมือง สามารถโค่นอำนาจประธานาธิบดีมาแล้ว 3 คนในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา
