“เสี่ยท็อป”แจงแล้วจวกยับนักข่าวบิดเบือนสร้างกระแส

2019-10-08 13:15:45

“เสี่ยท็อป”แจงแล้วจวกยับนักข่าวบิดเบือนสร้างกระแส

Advertisement

“เสี่ยท็อป”ชี้แจงแล้วจากฮ่องกง จวกนักข่าวไทยสร้างข่าว ยันเข้าออกได้ปกติ ไม่ได้มีปัญหา พ้อถูกตัดสินโดยไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง บิดเบือนข่าวกระทบชื่อเสียงประเทศชาติ กระทบความมั่นใจนักลงทุน ระบุผู้หญิงกับผู้ชายมีปัญหากัน แต่กลับบิดเบือนข่าวขุดคุ้ยประวัติ สร้างกระแส ยันไม่เคยพูดคบ 3 คนดัง พร้อมกลับไทยชี้แจงสังคม

จากกรณี น.ส.ดา (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ถูก “เสี่ยท็อป” อายุ 50 ปี นักธุรกิจหมื่นล้าน รู้จักเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2562 แค่เพียง 1 วันคือวันที่ 16 มี.ค.2562 ก็ขอแต่งงาน วันที่ 26 มี.ค.ขอจดทะเบียนสมรส และจัดงานแต่งงานสุดหรูหราที่โรงแรมใน จ.บุรีรัมย์เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2562 เสียค่าใช้จ่ายไปกว่า 5 ล้านบาท ต้องเป็นหนี้สินจำนวนมาก ทั้งเป็นหนี้โรงแรมที่จัดงาน 383,000 บาท หนี้ออแกไนเซอร์จัดงาน 2,680,000 บาท จนเธอต้องขอจดทะเบียนหย่าไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา และออกมาเปิดเผยเรื่องราวสู่สังคมให้ได้รับทราบ ขณะที่ “เสี่ยท็อป” ดูเหมือนงานจะเข้าแล้ว เพราะถูกขุดหลักฐานมาแฉเพียบ ล่าสุดเจ้าตัวเดินทางไปฮ่องกง ก็มีกระแสว่าหนีข่าวงานแต่งงานหรือไม่


ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีคลิปวิดีโอของ “เสี่ยท็อป” ขณะอยู่ฮ่องกงความยาว 22 วินาที สวมเสื้อดำ หมวกสีแดง ระบุว่า “ความตอแหลของนักข่าวไทยสร้างข่าว เดินเข้าออกได้ปกติ ได้ความต้อนรับแบบวีไอพี ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยกับประเทศจีน และอ่องกง เพราะเขาไม่ได้สนใจข่าวหลอก เขาดูข่าวกันอย่างมีสติ

นอกจากนี้ “เสี่ยท็อป”ชี้แจงผ่านรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ช่อง 3 ซึ่งดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” และ “หมวย อริสรา กำธรเจริญ” ทั้งนี้ “หนุ่ม กรรชัย” ได้ติดต่อสอบถามเสี่ยท็อปทางไลน์ ซึ่งเจ้าตัวชี้แจงว่า ผมดูทุกช่องติดตามทุกช่วง ทุกรายการ เห็นทุกท่านตัดสินผมทั้งที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ฟังจากคำกล่าวอ้างต่าง ๆ แต่ผมไม่ได้ว่าอะไรใคร จะใส่ไข่ยังไงผมไม่ว่า ผมถืออยู่แค่ 2 เรื่องคือ บรรพบุรุษ เพราะผมเปลี่ยนชื่อและไม่ได้ใช้นามสกุลนั้น เพราะไม่ต้องการให้เสื่อมเสียต่อการกระทำในอนาคตไม่ว่าดีหรือไม่ดี เรื่องที่ 2 คือเรื่องชื่อเสียงของประเทศชาติ การจะบิดเบือนข่าวมีผลต่อชื่อเสียงประเทศชาติไม่เป็นผลดีกับใคร แต่ทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสียและความมั่นใจในการที่ต่างชาติจะมาลงทุน

“เสี่ยท็อป” ระบุอีกว่า จริงๆ ไม่อยากจะชี้แจงอะไรเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องผู้หญิงกับผู้ชายที่มีปัญหากัน แต่กลับมีการบิดเบือนข่าวขุดคุ้ยประวัติ แล้วก็นำมาบิดเบือนข้อเท็จจริงแถมยังสร้างกระแสกันทำให้ชื่อเสียงประเทศชาติเสื่อมเสีย เพราะใช้ผมเป็นตุ๊กตา

“เสี่ยท็อป” ระบุด้วยว่า บางคนเปลี่ยนชื่อเป็นสิบ ๆ ครั้งก็มี แต่ผมเปลี่ยนชื่อตามหมอดู ส่วนนามสกุลที่เปลี่ยนเพราะสมัยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง นามสกุลเป็นนามสกุลของต้นตระกูล ที่ได้รับพระราชทาน เราเกรงว่าเกิดทำอะไรผิดพลาดไปจะทำให้เสียชื่อเสียง จึงมาตั้งนามสกุลของตัวเองคนเดียว ไม่ใช่เปลี่ยนเพราะหนีคดี ถ้าสืบคดีจริงๆ จะทราบว่าจบไปแล้ว และเป็นการกลั่นแกล้ง จริงๆอยากให้นักข่าวเวลาจะนำเสนอข่าว ช่วยดูถึงความเป็นจริง อยากให้ตรวจสอบหลักฐานก่อนว่าจริงหรือไม่จริง การใช้คำกล่าวอ้างของบุคคลบางบุคคลแล้วทำให้เขาเสื่อมเสียหรือเสียหายมันก็ยากนะครับ

ส่วนเรื่องเข็มขัดทองคำ “เสี่ยท็อป”ชี้แจงว่า ถ้าไปดูสำนวนที่ตำรวจ จะทราบว่าเขาแจ้งความเท็จผม มีการตกลงกันก่อนหน้านี้แล้วในเรื่องการซื้อขาย ซึ่งผมให้ตำรวจดูแล้วมีหลักฐานข้อตกลงในการซื้อขายและรับสภาพหนี้แต่ก็ยังเอาไปแจ้งความดำเนินคดีทำเป็นอาญา แหวนเพชรก็เป็นแหวนปลอมคนในงานก็ทราบดี

“ที่วันนี้ผมยอมตอบ ยอมพูดเพราะผมรู้สึกว่าการบิดเบือนของนักข่าวไทย มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยเสียหายเยอะแล้ว เราควรช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเพื่อให้นักลงทุนมาลงทุน ไม่นานหรอกครับผมเหลือภารกิจอีกไม่กี่ประเทศ แล้วผมจะกลับไปแถลงข่าวตอบทุกคำถาม ส่วนหนี้สินที่คั่งค้างในใบหย่าผมระบุไว้อยู่แล้วว่าผมรับผิดชอบหนี้ทุกบาทที่เกิดขึ้นระหว่างแต่งงาน” เสี่ยท็อป กล่าว

“เสี่ยท็อป” ระบุด้วยว่า ไม่เคยพูด หรือโพสต์ข้อความใด ๆ ว่า บุคคล 3 ท่านที่เป็นดาราดังเกี่ยวข้องกับผมนะครับ น้อง ๆ จะเสียหาย เมื่อถามว่า คุณม่านฟ้าบอกว่าคุณเคยไปจีบเขานะ “เสี่ยท็อป”ตอบว่าก็ไม่ควรเอามาพูด เพราะข่าวที่ออกมาผมเสียหาย และจะทำให้คนอื่นเสียหายด้วย

สำหรับคลิปสวมหมวกแดงที่สนามบินฮ่องกง “เสี่ยท็อป” บอกว่าถูกแฮ็กไม่มีเจตนาจะส่งให้ใคร โดยยืนยันว่า ผมไม่ได้หนีหายไปไหน ผมมีภารกิจงานที่มาทำ และผมจะกลับไปชี้แจงสังคม ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สำหรับคลิปที่พูดเล่น ๆ ที่สนามบิน ผมไม่ได้มีเจตนา พอดีมันถูกแฮคคลิปเลยหลุดออกไป

ขอบคุณรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ช่อง 3