ลุ้น! ศาลพิพากษา คดีรุมโทรมเด็ก 14 บ้านเกาะแรด

2019-10-08 12:25:30

ลุ้น! ศาลพิพากษา คดีรุมโทรมเด็ก 14 บ้านเกาะแรด

Advertisement

ศาลอุทธรณ์ภาค8นัดอ่านคำพิพากษาคดีรุมโทรมเด็กหญิงบ้านเกาะแรด ญาติขอความเป็นธรรมหลังผู้ต้องหาเครียดตายแล้ว 1 ราย

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 8 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลจังหวัดพังงา ผู้ต้องหาพร้อมด้วยทนายความและญาติในคดีร่วมกันรุมโทรมข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงวัย 14 ปี ที่บ้านเกาะแรด ต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นและเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี 2559 ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค8 ในวันนี้ หลังจากศาลชั้นต้นได้ตัดสินคดีเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2561 ให้จำเลยคือ นายวรชิต หรืออิฉา คงบุตร จำเลยที่ 1 นายชาติชาย หรือเล็ก ศรีรัตน์ จำเลยที่ 2 นายบุญพจน์ หรือ อาหลี นนทรี จำเลยที่ 3 นายเฉลิม หรือ หว๋าบำ สามีน จำเลยที่ 4 นายสุชีพ หรือ บังเดช สุเมน จำเลยที่ 5 นายธวัชชัย หรือ ยูนุส เถาว์กู จำเลยที่ 6 นายณัฐวุฒิ หรือ กาหรีม บุตรน้อย จำเลยที่ 7 นายกีรติ หรือ อาหมาด สุเมน จำเลยที่ 8 นายสายัณห์ หรือ ย้อย สุเมน จำเลยที่ 9 นายรังสันต์ หรือ ฮาสัน ชายเลี้ยง จำเลยที่ 10 และนายนาวิก หรือ หลี จารึก จำเลยที่ 11

โดยมีความผิดในข้อหาร่วมกันรุมโทรมข่มขืนกระทำชำเรา หญิงสาวอายุไม่เกิน 15 ปี ที่มิใช่ภรรยาของตน และข้อหาบุกรุกเคหสถานในยามค่ำคืนรวมถึงข้อหาอื่นๆ ตัดสินจำคุกจำเลยที่ 1-7 ตลอดชีวิต นายกีรติ จำเลยที่ 8 จำคุก 45 ปี ส่วนนายสายัณห์ จำเลยที่ 9 และนายนาวิก จำเลยที่ 11 ลงโทษจำคุกคนละ 15 ปี นายรังสันต์ จำเลยที่ 10 ลงโทษจำคุก 20 ปี 4 เดือน พร้อมทั้งให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่ฝ่ายเด็กหญิงและมารดาอีกประมาณ 6 ล้านบาท โดยทางจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์การพิจารณาคดีต่อศาลอุทรณ์ภาค 8 จนมีการไต่สวนเพิ่มเติมและนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ และล่าสุด นายสุชีพ สุเมนท์ อายุ 57 ปี จำเลยที่ 5 ได้มีความเครียดจนเป็นลมเสียชีวิตลงแล้วเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา




สำหรับคดีนี้ พนักงานอัยการจังหวัดพังงาเป็นโจทก์ร่วมกับมารดาของเด็กหญิงผู้เสียหายวัย 14 ปีฟ้องร้องกลุ่มผู้ชายในหมู่บ้านเกาะแรด ว่าร่วมกันรุมโทรมข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงวัย 14 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับชายในหมู่บ้านเกาะแรดจำนวนทั้งสิ้น 11 คนด้วยกัน โดยในจำนวนนี้มีชายอายุน้อยที่สุด 28 ปีกระทั่งมากสุดคืออายุ 70 ปี

นาย สรรเพชร ทิพย์มณเฑียร ทนายฝั่งจำเลย ระบุว่า ยังคงมั่นใจในพยานหลักฐานและความบริสุทธิ์ของจำเลยทั้งหมด แต่หากผลคำพิพากษาไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ก็จะใช้สิทธิ์ในการต่อสู้ต่อในศาลชั้นฎีกาต่อไป ด้านญาติๆของผู้ต้องหา พูดสั้นๆก่อนขึ้นฟังคำพิพากษาว่า ขอให้มีความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และชีวิตครอบครัวหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ก็ได้รับความเดือดร้อนจนเหมือนตกนรกทั้งเป็น