ฝ่ายค้านขู่อภิปรายงบด้านความมั่นคง

2019-10-07 16:00:51

ฝ่ายค้านขู่อภิปรายงบด้านความมั่นคง

Advertisement

"สมพงษ์" ระบุฝ่ายค้านขู่อภิปรายงบประมาณด้านความมั่นคง เหตุเทให้มากกว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ค้านซื้อยุทโธปกรณ์ แต่ต้องไม่โอเว่อร์ เล็งขอเวลาอภิปราย 3 วัน 

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. สถาบันพระปกเกล้า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะไม่ยกมือสนับสนุนให้รัฐบาล ที่ผ่านมาจากประสบการณ์การเป็นส.ส.มา 30 ปี ไม่เคยเห็นส.ส.ฝ่ายค้านไปยกมือสนับสนุน แต่จะใช้วิธีการอยู่เงียบๆ ไม่คัดค้านอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องที่ ส.ส. จะต้องยกมือเห็นด้วยทั้งหมด 500 คน แตกต่างจากกรณีเสนอตั้งกรรมาธิการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ส.ส.ทั้งหมดเห็นด้วย ส่วนตัวคิดว่าการที่ฝ่ายค้านไม่ยกมือให้คงไม่ถึงขั้นทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯไม่ผ่าน แต่ต้องดูที่ข้อเท็จจริงจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯที่ผ่าน ครม.ในวันนี้ ซึ่งถ้าไม่ผ่านมาจริงๆก็เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณาว่าจะแสดงความรับผิดชอบ แต่ไม่ทราบว่าท่านจะรับผิดชอบหรือไม่ เพราะหลายๆครั้งที่นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบก็ไม่ได้รับผิดชอบ แต่ส่วนตัวเห็นด้วยว่า ถ้าหากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่ผ่านประชาชนก็จะเดือดร้อน เพราะเมื่อมีงบประมาณก็จะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน มีการใช้จ่ายจากการลงทุนสร้างถนนและเส้นทางต่างๆ แต่ที่ผ่านมาไม่ทราบว่าหมุนเวียนอย่างไรเศรษฐกิจจึงไม่ดีขึ้น จนต้องมีการแจกเพื่อให้เงินหมุนเวียน

“เท่าที่ทราบเบื้องต้นงบประมาณที่ออกมากลับไปให้ความสำคัญในด้านความมั่นคงมากกว่าด้านเศรษฐกิจที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน ทำมาหากินลำบาก แต่กลับเอาเงินไปซื้อยุทโธปกรณ์ต่างๆมากมาย ผมพูดเช่นนี้ไม่ขัดข้องกับการซื้อยุทโธปกรณ์แต่ควรเป็นไปอย่างพอเหมาะพอดี ไม่เว่อร์จนเกินไป อย่างเรือดำน้ำซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วย เราซื้อยุทโธปกรณ์เพื่อป้องกัน ไม่ได้ไปสู้รบกับใคร” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านได้เตรียม ส.ส.สำหรับอภิปรายงบประมาณแล้ว โดยจะแบ่งออกเป็นด้านๆ อาทิ ด้านสังคม เกษตร การเมือง ส่วนตัวเห็นว่าการพิจารณาเพียงแค่ 2 วันอาจไม่เพียงพอ อาจจำเป็นต้องขยายออกไปเป็นวันที่ 3 เพราะปัจจุบันรายละเอียดของงบประมาณมีมากกว่าในอดีต และยังต้องตรวจสอบไปถึงที่มาของงบประมาณ จึงต้องใช้ระยะเวลาในการสอบถามมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจาก 5 ปีที่ผ่านมา ที่ประชาชนไม่ค่อยได้รับทราบ พ.ร.บ.งบประมาณฯเข้าสภาฯก็พิจารณากันแค่ 3 ชั่วโมง ไม่รู้ว่าได้พิจารณารายละเอียดหรืออ่านแค่เพียงหน้าปก