เด็ก พปชร. อัด “ปิยบุตร” เรียกสอบ “พล.ต.บุรินทร์"

2019-10-07 15:30:52

เด็ก พปชร. อัด  “ปิยบุตร” เรียกสอบ “พล.ต.บุรินทร์"

Advertisement

รองโฆษก พปชร. เหน็บ “ปิยบุตร”ย้อนแย้ง ปมใช้อำนาจประธาน กมธ.เรียกสอบ “พล.ต.บุรินทร์” ส่อแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเสียเอง จี้เปิดที่มาเอกสารแถลงการณ์ผู้พิพากษายิงตัวเอง ชอบด้วย ก.ม.หรือไม่ หวั่นเป็น “ผลไม้พิษ”

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ จะใช้อำนาจประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เรียกพล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงประเด็นต่างๆ กรณีแจ้งความเอาผิดดำเนินคดีตามมาตรา 116 ต่อแกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้าน กรณีเวทีสัญจรที่จ. ปัตตานี ว่า นายปิยบุตรอาจถูกสังคมตั้งคำถามว่าเป็นการใช้อำนาจประธาน กมธ.กลั่นแกล้ง พล.ต.บุรินทร์ เพื่อขัดขวางการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตและแทรกแซงการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ เนื่องจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่นายปิยบุตรสังกัดอยู่เป็น 1 ในผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าว สังคมอาจสงสัยถึงความโปร่งใสและเป็นกลางของการดำเนินการดังกล่าวของคณะกรรมาธิการได้ และเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้สังคมเห็นถึงความโปร่งใส เป็นกลาง ไม่มีการขัดกันของผลประโยชน์ ไม่ได้ใช้อำนาจกลั่นแกล้งผู้อื่นหรือเอื้อประโยชน์กับพวกพ้องตัวเอง นายปิยบุตรควรให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่นที่เป็นกลางและไม่มีส่วนได้เสีย

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ถัดมาในเย็นวันเดียวกันหลังจากที่พล.ต.บุรินทร์ จะใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต ก็มีเหตุการณ์ที่นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองบนบัลลังก์ศาล ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ประชาชนบางกลุ่มตั้งข้อสงสัยว่า หรือจะเป็นความพยายามของพรรคการเมืองบางพรรคที่ช่วงชิงให้ข้อมูลและเชื่อมโยงบริบทต่างๆ เพื่อหวังผลทำลายความน่าเชื่อถือต่อกระบวนการยุติธรรม และชี้นำให้เป็นประโยชน์ต่อคดีความของพรรคพวกตนเองโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสังคมส่วนใหญ่ ซึ่งประเด็นนี้พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน ก่อนที่จะด่วนวิพากษ์วิจารณ์จากการให้ข้อมูลเพียงด้านเดียวอันจะสร้างความสับสนในสังคม

“อีกทั้งมีข้อสังเกตว่าการได้มาซึ่งข้อมูลเอกสารคำแถลงการณ์ของผู้พิพากษาท่านนั้น สังคมเกิดความสับสนต่อคำชี้แจงของนายปิยบุตรถึงแหล่งที่มาว่าได้มาโดยวิธีใด จากผู้พิพากษา จำเลย หรือ ผู้หวังดี แต่ไม่ว่าจะทางใดขอให้นายปิยบุตรทบทวนว่าพยาน หลักฐาน ดังกล่าวได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ สามารถรับฟังได้หรือไม่ เป็นผลไม้พิษของต้นไม้พิษหรือไม่ หากเข้าข่ายว่าเป็นผลไม้พิษ เป็นพยาน หลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ ไม่สามารถรับฟังได้ ก็ขอให้นายปิยบุตรหยุดหาประโยชน์จากผลไม้พิษนั้นเสีย มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่านายปิยบุตรฝ่าฝืนหลักการที่ตนเองเชิดชู กลายเป็นบิดาแห่งข้อยกเว้นไปเสียเอง หากผู้พูดเป็นเสียเองแล้ว ต่อไปในการกล่าวหาผู้อื่น เช่น ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์พวกพ้อง แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่เป็นกลาง ใช้ประโยชน์จากผลไม้พิษ หาข้อยกเว้นให้ตนเอง ก็คงเป็นเพียงการพูดลอยๆ ไม่มีใครเชื่อถืออีกต่อไป” น.ส. ทิพานัน กล่าว 

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมามีหลายคดีที่ศาลยกฟ้องจำเลยที่เป็นกลุ่มเคลื่อนไหวตรงข้ามกับรัฐบาล เช่น กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง หรือ แกนนำ นปช. และตัดสินลงโทษบุคคลต่างๆ ของพรรคฝ่ายรัฐบาล ดังนั้นเห็นได้ชัดเจนว่า องค์กรศาลอำนวยความยุติธรรมให้สังคมอย่างเท่าเทียมเสมอภาคกัน การเมืองไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้