ส.ว.แถลงจุดยืนเรียกร้องรัฐบาลยกเลิก 3 สารพิษ เผยอายุเฉลี่ยเกษตรต่ำลงทุกขณะ เสี่ยงเป็นภัยระยะยาว
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่รัฐสภา นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว. และ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ส.ว.ร่วมกันแถลงจุดยืน และเรียกร้องให้รัฐบาลแบนสารเคมี 3 ชนิด โดยนพ.อำพล กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้รัฐบาลตัดสินใจอย่างเป็นเอกภาพ แบนการใช้พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกรโฟเซต ที่ยืดเยื้อมาหลายปี จากข้อมูลเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าสารเคมีทั้ง 3 ชนิดนี้ ไม่ใช่แค่ตกค้างในสิ่งแวดล้อมในผลิตภัณฑ์เกษตรอาหารการกินเท่านั้น แต่ยังเข้าสู่ทารกในครรภ์มารดาส่งผลเสียถึงผู้คนในรุ่นต่อๆ ไปด้วย คณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาสารเคมีป้องกันจำกัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งมีทั้งกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เคยเสนอให้แบนตั้งแต่เดือนเม.ย. 2560 แล้ว แต่ถึงวันนี้ผ่านมา 2 ปีกว่าก็ยังอนุญาตให้ใช้กันต่อไป เมื่อต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมาได้ตั้งกระทู้ถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงมาตรการแก้ปัญหาสารเคมีตกค้างในพืชผักผลไม้ ที่ตรวจสอบพบเป็นจำนวนมากโดยเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (ไทยแพน)
นพ.อำพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากงานศึกษาวิจัยพบว่าประเทศไทยนำเข้าสารเคมี 3 ชนิดนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการใช้กันมากในการกำจัดวัชพืชในเกษตรกรรมไร่อ้อยและยางพารา โดยเฉพาะในเกษตรกรรายใหญ่ โดยสารพิษเคมีเหล่านี้ไปตกค้างอยู่ตามแหล่งน้ำชุมชนและผลิตผลทางการเกษตรปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคเนื้อเน่ารุนแรง และบางรายก็เสียชีวิตจากการสัมผัสสารเคมี กลายเป็นว่าเกษตรกรไทยใช้สารเคมีเกือบทั้งประเทศ จนประเทศเหมือนถูกอาบไปด้วยยาพิษ ประชาชนต้องตายผ่อนส่ง ซึ่งประเด็นนี้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้ แถลงจุดยืนเห็นด้วยกับการแบน 3 สารเคมีดังกล่าว สำหรับในส่วนของรัฐบาลซึ่งเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี 3 พรรคการเมือง คือ พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่มีบางพรรคแสดงจุดยืนชัดเจนมาแต่ต้น และบางพรรคก็มีการปรับท่าทีที่ชัดเจนขึ้น สมาชิกวุฒิสภาก็เห็นว่า ควรจะยกเลิกการใช้สารเคมีเหล่านี้เสียที
นายสังศิต กล่าวว่า วันนี้ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมลํ้า วุฒิสภา จะขอมติของกมธ. ให้อนุกรรมาธิการ ศึกษาเรื่องนี้ทันที โดยไม่ต้องรอสภาผู้แทนราษฎรเปิด ตนคิดว่าข้อมูลที่ได้รวบรวมมาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้ทันที ทั้งนี้ตนได้ผลักดันเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2540 สมัย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรมว.มหาดไทย ซึ่งในฐานะที่เป็นที่ปรึกษานโยบายเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง ตนได้เสนอให้ยกเลิกสารเคมีทั้ง 3 ชนิด ซึ่งท่านก็เห็นด้วย แต่ว่าเมื่อไปพบกับรมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอความร่วมมือ ท่านกลับปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า หัวคะแนนของท่านขายปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง จึงไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้
นายสังศิต กล่าวว่า อยากจะบอกว่าถ้าเราดูปุ๋ยเคมี และยาฆ่าแมลงที่นำเข้ามาจากต่างประเทศพบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี และเมื่อไปดูตัวเลขการนำเข้ายารักษาโรคก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย หมายความว่า สิ่งที่เรานำเข้ามาทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้เกษตรกรเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ข้อมูลอายุเฉลี่ยลูกหนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ว่า ลูกหนี้เหล่านี้ตายกันเร็วและอายุสั้น เพราะทำเกษตรเคมี ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่เฉพาะเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้บริโภคด้วย หากรัฐบาลไม่ใช่ความกล้าหาญหยุดเรื่องนี้ ประเทศก็จะเสียหายไม่มีที่สิ้นสุด