ทางการอิรักประกาศเคอร์ฟิวในเขตเมืองหลวงกรุงแบกแดด และอีกหลายเมืองทางภาคใต้ เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลติดต่อกันเป็นวันที่ 3 และลามไปยังเมืองต่างๆ ทางภาคใต้ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 33 ศพ
การประท้วงรัฐบาลอิรัก ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอาเดล อับเดล มาห์ดี ทำหน้าที่ได้เกือบ 1 ปี เริ่มปะทุขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 1 ต.ค. จากความไม่พอใจของประชาชน ต่อภาวะว่างงาน การทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ และบริการสาธารณะขาดแคลน การประท้วงในกรุงแบกแดด ลามไปยังเมืองต่างๆ ทางภาคใต้ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวนิกายชีอะห์ และผู้ประท้วงบางส่วนใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่
ทางการอิรักประกาศห้ามประชาชนออกนอกบ้าน และห้ามชุมนุมประท้วง ในกรุงแบกแดด และเมืองนาซิริยาห์ ทางภาคใต้ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. วันพฤหัสบดี แต่มีประชาชนจำนวนมากฝ่าฝืนคำสั่ง ออกมาเดินขบวนตามท้องถนน แม้เจ้าหน้าที่จะใช้กระสุนจริง และแก๊สน้ำตา ในการสลายการชุมนุม และมีรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ ระบบอินเทอร์เน็ตล่ม ใช้การไม่ได้ในเมืองต่างๆ เกือบทั่วอิรัก
เจ้าหน้าที่การแพทย์อิรักเผยว่า มีผู้ชีวิต 11 ราย เมื่อคืนวันพุธ ในเมืองนาสริยาห์และเมืองอามาร่า ทางภาคใต้ และอีก 10 รายทั้งในกรุงแบกแดดและทางภาคใต้ เมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากการประท้วงตลอด 3 วัน เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 33 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน.