"จิรายุ" อัด "ชิมช้อปใช้" มหกรรมตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

2019-09-30 11:05:37

"จิรายุ" อัด "ชิมช้อปใช้" มหกรรมตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

Advertisement

"จิรายุ" อัดโครงการ "ชิมช้อปใช้" มีปัญหาสารพัด เลือกปฏิบัติต่อประชาชนอย่างน่ารังเกียจ คนได้รับผลประโยชน์มีไม่กี่กลุ่ม เป็นมหกรรมตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมากตลอดสัปดาห์ถึงโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” ว่ามีปัญหาอย่างมากทั้งแนวคิด วิธีทำและผลที่จะได้รับ นอกจากความไม่พร้อมและเร่งรีบในการใช้เงินภาษีของประชาชนที่ไปล้วงเอามาจากงบกลาง แสดงให้เห็นถึงแนวคิดเชิงนโยบายที่ไม่มีวิชั่นของรัฐบาลเพราะโดยทั่วไปแล้วจะต้องบรรจุอยู่ในงบประมาณปกติ

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า โครงการนี้เป็นโครงการเลือกปฏิบัติต่อประชาชนอย่างน่ารังเกียจเพราะประชาชนกว่า 40 ล้านคนไม่มีโอกาสเข้าถึงระบบดังกล่าว เพราะ1.เขาไม่ได้ใช้ระบบสมาร์ทโฟน 2.การเข้าถึงแอพพลิเคชั่น ที่มีขั้นตอนซับซ้อนการลงทะเบียนยุ่งยาก 3.ร้านค้ายังมีปัญหาไม่ยอมรับ 4.ระบบยังไม่สามารถรองรับกับการใช้ปริมาณพร้อมพร้อมกันเป็นจำนวนมากทำให้ร้านค้ายกเลิกโครงการกลางคันและทิ้งของที่เลือกแล้วบริเวณร้านเป็นจำนวนมาก 5.ประชาชนยังมีความกังวลใจว่ารัฐจะล้วงความลับจากเลข 13 หลักของประชาชนอาจนำข้อมูลไปใช้เพื่อเป็นประโยชน์ทางการเมืองของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง 6.หากไม่ประสบความสำเร็จใครจะเป็นผู้รับผิดชอบนอกจากประชาชนผู้เสียภาษี

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า วิธีคิดในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยรูปแบบเช่นนี้ ถ้าเป็นนักศึกษากำลังสอบวัดผล จะให้ตกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องรีไทร์หรือไล่ออกสถานเดียวเพราะวิธีคิดจากซีเลบัมในสมอง ไม่ทำงาน และทำอย่างมีวาระแอบแฝงหรือไม่ซึ่งฝ่ายค้านจะติดตามตรวจสอบต่อไป ส่วนกระบวนการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้คนออกไปท่องเที่ยวแบบนี้ เป็นวิธีคิดที่กลับหัวกลับหางเพราะเมื่อใดก็แล้วแต่ที่ประเทศมีเศรษฐกิจดีประชาชนก็จะออกไปเที่ยวและตนก็เชื่อว่าคนที่คิดโครงการนี้ย่อมรู้ว่าเงิน 1,000 บาทไม่สามารถไปท่องเที่ยวที่ไหนได้โดยเฉพาะการเดินทางข้ามจังหวัดและไม่ใช่ยาวิเศษที่รัฐบาลจะกล้านำมากระตุ้นเศรษฐกิจได้

“ในการอภิปรายงบประมาณรายจ่าย ฝ่ายค้านจะชำแหละถึงแนวคิดของรัฐบาลในการใช้เงินภาษีของประชาชนที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีได้อย่างไร แถมยังได้กลิ่นตุตุต่อเรื่องนี้ว่ามีคนได้รับผลประโยชน์ไม่กี่กลุ่ม ซึ่งนโยบายเรื่องนี้ถือว่า คนคิดฉลาดที่จะได้รับผลประโยชน์ แต่คนซวยก็คือประชาชนและคนทั้งประเทศที่ต้องเสียภาษีไปกับเรื่องนี้ ที่เรียกได้เลยว่าเป็น มหกรรมการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” นายจิรายุ กล่าว