“จุรินทร์” ประชุมมอบนโยบายประกันรายได้เกษตรกร

2019-09-30 11:20:57

“จุรินทร์” ประชุมมอบนโยบายประกันรายได้เกษตรกร

Advertisement

“จุรินทร์” ประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ผู้ว่าฯพร้อมฝ่ายที่เกี่ยวข้องมอบนโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ชาวสวนปาล์มน้ำมัน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ก.ย.ที่กระทรวงมหาดไทย นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และชาวสวนปาล์มน้ำมัน ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัดและ คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านช่อง 9


นายจุรินทร์ กล่าวว่า การประชุมมีความจำเป็นในการซักซ้อมทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้องในนโยบายสำคัญของรัฐบาลคือการประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล จะประกันรายได้ 5 ประเภท ได้แก่ ข้าว ยาง มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด แต่รัฐบาลจะดูแลทุกผลผลิตการเกษตร อาจจะเป็นวิธีต่างกัน ขอให้เกษตรกรไม่ต้องกังวล สินค้าเกษตร 2 ตัวที่ ครม.ให้ความเห็นชอบแล้ว คือ ข้าวและปาล์มน้ำมัน ส่วนยางพารา จะมีการประชุมเพื่อออกมาตรการการประกันรายได้เร็วๆนี้โดยการดำเนินนโยบายนี้ต้องมีการหารือ 3 ฝ่ายได้แก่ ภาครัฐ เอกชน และตัวแทนเกษตรกร เพื่อให้การดำเนินนโยบายราบรื่น และบรรลุเป้าหมายสูงสุด


นายจุรินทร์ กล่าวว่า นโยบายการประกันรายได้มีขึ้นเนื่องจากการปล่อยให้เกษตรกรขายสินค้าที่ราคาตลาดไม่เพียงพอที่การดำรงชีพ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเติบโตไม่ดี ทำให้ความต้องการสินค้าเกษตรในตลาดโลกอาจจะตกต่ำ นอกจากนี้ ปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรของไทยอาจจะแนวโน้มเกินความต้องการในประเทศ จำเป็นต้องพึ่งพาการส่งออก และรัฐบาลนี้ไม่อยากทำการลดการผลิตจะกระทบกับเกษตรกร อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็มีนโยบายเพิ่มการความต้องการภายในประเทศ แต่อาจต้องใช้เวลา นโยบายนี้จะทำให้เกษตรกรมีรายได้สองทาง คือ 1. รายได้จากการขายสินค้าเกษตร และ 2. ราคาชดเชยที่รัฐบาลจ่ายให้เรียกว่าส่วนต่างซึ่งคำนวนจาก ราคาประกัน – ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง = ส่วนต่างที่รัฐชดเชย โดยรัฐบาลจะโอนเงินส่วนต่างเข้าบัญชี ธกส เกษตรกรโดยตรง ซึ่งเกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร


นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับปาล์ม รัฐบาลจะประกันรายได้ที่ กิโลกรัมละ 4 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ การประกันรายได้นี้ ไม่ใช่การประกันราคาพืชผลการเกษตร เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะประกันราคาที่จะขึ้นลงตลอดเวลา และจะเป็นการแทรกแซงตลาดและขัดกับหลักการ WTO แต่รัฐบาลจะประกันรายได้ โดยการโอนส่วนต่างดังที่ได้แจ้งก่อนหน้า


นายจุรินทร์ แจ้งว่า สาเหตุที่รัฐบาลประกันรายได้ชาวสวนปาล์มมากที่สุดที่ 25 ไร่ต่อครัวเรือน เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่มีที่ดินไม่ถึง 25ไร่ ไม่เปิดทั้งหมด เนื่องจากนโยบายนี้ตั้งใจช่วยคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินงวดแรกในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญในประวัติศาสตร์ของไทย จึงขอให้เกษตรกรสวนปาล์ม 260,000 ครอบครัวเตรียมไปตรวจสอบบัญชีธนาคารของท่านได้ในวันวันที่ 1 ต.ค.2562 ส่วนข้าวนั้นจะเริ่มจ่าย 15 ต.ค. 2562 เกษตรกรปลูกข้าวที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ ให้รีบไปขึนทะเบียน ตรวจสอบสิทธิ ที่สำนักงานเกษตรอ้าเภอ และเปิดบัญชีกับ ธ.ก.ส. เพื่อใช้สิทธิรับเงินประกันรายได้งวดต่อไป ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 บาทต่อตัน จำนวน 14 ไร่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาทต่อตัน จำนวน 16 ไร่ ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาทต่อตัน จำนวน 30 ไร่ ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 บาทต่อตัน จำนวน 25 ไร่ ข้าวเปลือกเหนียว 12,000 จำนวน 16 ไร่ แต่รัฐบาลจะไม่ประกันรายได้การปลูกข้าว 18 สายพันธุ์นอกเหนือจากนี้ เนื่องจากรัฐบาลจะไม่ส่งเสริมการปลูกข้าวสายพันธุ์อื่น โดยรัฐบาลจะโอนเงินให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวทั้ง 5 ชนิด ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ โดยจะรวมเกษตรกรที่ลงทะเบียนที่ประสบกับน้ำท่วมด้วย ถึงแม้จะขายพืชผลไม่ได้ ก็จะได้รับเงินชดเชยนี้เช่นกัน

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์สามารถไปขึ้นทะเบียนและสามารถได้รับเงินชดเชยนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้คำนึงว่าตอนนี้การค้าระหว่างมีมาตรฐานสูง และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ตลาดโลกจะรับซื้อเฉพาะสินค้าเกษตรที่ปลูกในพื้นที่ที่ไม่บุกรุกทำลายป่า โดยรัฐบาลจะพยายามส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรเพื่อช่วยเหลือ โดยล่าสุด รัฐบาลได้เจรจากับรัฐบาลจีนในการส่งออกมันสำปะหลัง ที่ขายไปแล้ว 2.6 แสนตัน และจะนำทัพไปขายผลไม้ไทยที่จีนอีกในเดือน ตุลาคมนี้ และล่าสุดได้ขายยางพาราไทยที่อินเดียมูลค่า 12,000 ล้านบาท สำหรับปาล์ม รัฐบาลมีนโยบายเสริมในการช่วยเหลือเกษตรกร เพิ่มเติม คือการขอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตรับซื้อปาล์มเพื่อผลิตไฟฟ้า โดยได้รับซื้อแล้ว 110,000 ตัน การส่งเสริมการส่งออกไปอินเดีย และลดการลักลอบการนำเข้าผิดกฎหมายและการส่งเสริมใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมปาล์มน้ำมัน หลังจากนั้นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ใช้เวลาให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและทั่วประเทศได้ถามตอบข้อสงสัย