บรรดาผู้นำของประเทศต่างๆ ทั่วโลก เดินทางถึงสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันอังคาร (24 ก.ย.) เพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของสมัชชาใหญ่ หรือ ยูเอ็นจีเอ (United Nations General Assembly) ในวันแรก
โดยในกลุ่มผู้นำที่สื่อพบเห็น ขึ้นบันไดเลื่อนเข้าสู่ห้องโถงรับรองของสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ประกอบด้วย นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมนี, ประธานาธิบดี จอมพล อับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิซี ของอียิปต์ และประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำบราซิล
ตามหมายกำหนดการ ในช่วงสายของการเปิดประชุมวันแรก คาดว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จะเปิดประเด็นกดดันอิหร่านและเกาหลีเหนือ ในระหว่างการขึ้นเวทีกล่าวสุทรพจน์ ซึ่งจะเป็นการปรากฏตัวของทรัมป์ต่อหน้าผู้นำทั่วโลก ในที่ประชุมใหญ่ยูเอ็นจีเอ เป็นครั้งที่ 3
ขณะที่ประธานาธิบดีโบลโซนาโร ยืนยันว่า พื้นที่ป่าอเมซอน ของบราซิล เป็นดินแดนอธิปไตย
ก่อนหน้านี้ กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ พากันประณามนายโบลโซนาโร และรัฐบาลของเขาที่แกล้งหูหนวกตาบอด ปล่อยให้เกษตรกรและผู้ตัดไม้ แผ้วถางและเผาป่าอเมซอน ป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเท่ากับเป็นการเร่งให้มีการตัดไม้ทำลายป่ามากขึ้น แต่ในการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก เขาชี้แจงตอบโต้ โดยบอกว่า มันไม่เป็นความจริงที่อ้างว่า ป่าอเมซอนเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก เป็นมรดกของมนุษยชาติและเป็นความเข้าใจผิดที่ว่า ป่าอเมซอนเป็นปอดของโลก ความช่วยเหลือของต่างชาติเพื่อช่วยปกป้องผืนป่าดิบชื้นแห่งนี้ ก็ต้องเคารพอธิปไตยของบราซิลอย่างเต็มที่
จากกรายงานขององค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐ หรือนาซา และรายงานอื่น ๆ ระบุว่า บราซิล ซึ่งครอบครองพื้นที่ป่าอเมซอนมากกว่าครึ่งหนึ่ง เกิดไฟป่ามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้
บรรดานักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กล่าวว่า นโยบายของโบลโซนาโร นักการเมืองขวาจัด นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของไฟป่าในปีนี้ และว่า เขาส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงปศุสัตว์และกลุ่มตัดไม้ ปรับพื้นที่ขนาดใหญ่ของป่าอเมซอนเพื่อทำการเกษตร ตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว
นายโบลโซนาโร กล่าวหลังสาวน้อยเกรียตา ทุนแบร์ย นักเคลื่อนไหวต่อต้านโลกร้อน วัย 16 ปีชาวสวีเดน กล่าวหาบรรดาผู้นำโลกว่าทรยศหักหลังประชาชนวัยรุ่นในการป้องกันโลกร้อน