“ศรีสุวรรณ”ยื่น กกต.วินิจฉัย “ธนาธร” ปล่อยกู้อนาคตใหม่ 191 ล้าน

2019-09-23 14:35:53

“ศรีสุวรรณ”ยื่น กกต.วินิจฉัย “ธนาธร” ปล่อยกู้อนาคตใหม่ 191 ล้าน

Advertisement

“ศรีสุวรรณ”ยื่น กกต.วินิจฉัย “ธนาธร” ปล่อยกู้อนาคตใหม่ 191 ล้านขัดเจตนารมณ์ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองหรือไม่

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส. หลังจากที่เข้าดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น โดยสมาคมฯได้เข้าไปตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส. แต่ละคนพบว่าในส่วนของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้แจ้งว่าได้ให้กู้ยืมเงินแก่พรรคอนาคตใหม่ 2 สัญญา คือ สัญญาที่ 1 เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2562 จำนวน 161,200,000 บาท และสัญญาที่ 2 เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2562 จำนวน 30,000,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 191,200,000 บาท โดยต้องชำระหนี้คืนให้หมดพร้อมดอกเบี้ยภายใน 3 ปี ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยว่าเคยให้เงินทางพรรคยืมไปแล้วประมาณ 110 ล้านบาท นิติกรรมสัญญาดังกล่าว ไม่น่าจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ม.62 ซึ่งไม่มีข้อบัญญัติใดอนุญาตให้ทำได้ โดยสมาคมฯได้เคยนำความไปร้องเรียนต่อ กกต.ไว้แล้วเมื่อ 21 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา และ กกต.ได้เรียกสมาคมฯไปไต่สวนเพิ่มเติมแล้ว เมื่อปล่ยเดือนมิถุนายนที่ป่านมา


นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า แต่เนื่องจากพยานหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริงจากการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคุณธนาธร ที่ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. ซึ่งได้เปิดเผยต่อสาธารณะนั้น เป็นหลักฐานผูกมันตามข้อเท็จจริงที่มิอาจปฏิเสธได้ ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมายื่นเพิ่มเติมให้กับ กกต.เพื่อดำเนินการไต่สวน สอบสวน และเอาผิดนายธนาธร และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ตาม ม.66 วรรคสอง ประกอบ ม.125 ซึ่งอาจต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีกําหนด 5 ปี และให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินกว่า 10 ล้านที่กําหนดไว้ตามมาตรา 66 ให้ตกเป็นของกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองต่อไป นอกจากนั้น ยังให้ กกต.วินิจฉัยต่อไปด้วยว่าการใช้เงินดังกล่าวขัดต่อ ม.87 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองด้วยหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายระยุไว้ชัดว่ารายได้ของพรรคการเมืองให้นำไปใช้ได้แต่เฉพาะกิจกรรมของพรรคเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้หนี้เงินกู้ได้ และการนำเงินกู้ไปหาเสียงเลือกตั้งอาจมีความผิดเพิ่มขึ้นด้วย