"บิ๊กตู่" พบ ”เทพเทือก” มากกว่าลงพื้นที่ตรวจงาน

2019-09-18 20:00:56

"บิ๊กตู่" พบ ”เทพเทือก” มากกว่าลงพื้นที่ตรวจงาน

Advertisement

การลงพื้นที่ภาคใต้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และคณะ เมื่อวันศุกร์ 13 กันยายน 2562 นอกจากภารกิจทางการที่นครศรีธรรมราชแล้ว การต่อไปที่เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี ยิ่งน่าจับตามเป็นพิเศษ เพราะคนที่เฝ้ารออยู่ปลายทาง ที่วิทยาลัยอาชีวะภาวนาโพธิคุณ คือ ”ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ รปช. ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพรรค ที่มีนโยบายชัดเจนตั้งแต่ต้น สนับสนุน ”บิ๊กตู่” เป็นนายกฯช่วงเปลี่ยนผ่าน เช่นเดียวกับพรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์ นิติตะวัน และไม่ส่งรายชื่อนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคเหมือนๆ กัน


นายสุเทพเป็นเป้าที่โดนกล่าวหา โดยเฉพาะจากพรรคฝ่ายค้านปัจจุบัน ว่าเป็นคนเรียก พล.อ.ประยุทธ์ ให้ออกมายึดอำนาจการเมืองจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากจัดตั้งเวทีชุมนุม กปปส. ที่สถานีรถไฟสามเสน ขับไล่อดีตนายกฯหญิงคนแรกของไทย เมื่อปลายปี 2556 หลังปฏิบัติการ “ลักหลับ” ยื้อให้สภาผู้แทนฯลงมติวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย เมื่อเช้ามืดวันที่ 1 พฤศจิกายน ขณะที่ประชาชนกำลังหลับใหล จากนั้น การชุมนุมและเคลื่อนขบวน “ชัตดาวน์กรุงเทพฯ” ของม็อบนกหวีดก็เกิดขึ้นต่อเนื่องข้ามปี กระทั่งถึงวันยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 จากนั้น การชุมนุมและเคลื่อนขบวน “ชัตดาวน์กรุงเทพฯ”ของม็อบนกหวีดก็เกิดขึ้นต่อเนื่องข้ามปี กระทั่งถึงวันยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557


การพบกันที่เกาะสมุยหนนี้ นายสุเทพเป็นคนย้ำว่า เป็นการพบกับ ”บิ๊กตู่” อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก นับแต่รัฐประหารครั้งนั้น จึงปรากฏภาพเหตุการณ์ชวนชื่นมื่น ระหว่าง 2 คนดังร่วมเฟรมเดียวกันเกือบตลอดงานก็ว่าได้ แต่เจ้าบ้านดูจะระมัดระวังการวางตัวพอสมควร โดยมักจะอยู่แถวสอง ด้านหลัง พล.อ.ประยุทธ์เสียมากกว่า ขณะที่ “บิ๊กตู่” ก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของลุงกำนันสุเทพ ทั้งร่วมเป็นประธานเปิดเทศกาลท่องเที่ยวเกาะสมุยครั้งที่ 4 การสวมบทเชฟโชว์ฝีมือผักเหลียงผัดไข่ อาหารยอดฮิตจากปักษ์ใต้ การพบปะกับชาวบ้านและเด็กนักเรียน ปลุกสำนึกให้รักแผ่นดินเกิดและ 3 สถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมคำพูดประโยคเด็ด “ขอให้รักลุงสุเทพให้มากๆ เพราะเขาดูแลเรา”! สั้นๆ แต่มีความหมายยืดยาว ลึกซึ้ง แม้ในอีกด้านหนึ่ง จะโดนแกนนำพรรคเพื่อไทย รวมทั้งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านในสภา จวกเรื่องน้ำท่วมและชาวอีสานเดือดร้อน แต่นายกฯกลับไปดูทะเล

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ลงภาคใต้ สิ่งที่เชื่อมโยงและปฏิเสธไม่ได้ คือเรื่องการเมืองและสนามเลือกตั้งในพื้นที่ ซึ่งแต่ไหนแต่ไร พรรคประชาธิปัตย์แทบจะผูกขาดตลอดเกือบ 30 ปีหลัง แต่เลือกตั้งหลังสุด 24 มีนาคม 2562 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปชป.ได้เพียง 22 คน จากทั้งภาค 50 คน พรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ได้ ส.ส.อย่างพลิกความคาดหมายถึง 13 คน แม้สุราษฎร์ธานี ฐานที่มั่นสำคัญของนายสุเทพ ทั้งพลังประชารัฐ และรวมพลังประชาชาติไทย จะยังไม่สามารถแย่งเก้าอี้ ส.ส. 6 คนจาก ปชป.ได้ แต่นครศรีธรรมราช พปชร.ปักธง ส.ส.ได้ถึง 3 คนจาก 8 ที่นั่ง สะท้อนความไม่ธรรมดาของ พปชร. และกระแสนิยมทางการเมืองของคนในภาคใต้ เลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไป ซึ่งอาจมาเร็วกว่าปกติก็เป็นได้ ในสถานการณ์รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ การวางยุทธศาสตร์และสร้างคะแนนนิยมเป็นสิ่งที่แต่ละพรรคต้องเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ ปชป.ต้องหมายมั่นปั้นมือทวงเก้าอี้ ส.ส.กลับคืนมาให้ได้มากที่สุด คู่แข่งที่ต้องสกัดอันดับต้นๆ คือ พปชร. ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งได้ ส.ส.ภาคใต้ถึง 8 คน แม้จะเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล แต่จุดยืนของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค คือไม่เห็นด้วย กับ ส.ว. ร่วมโหวตเลือกนายกฯกับ ส.ส.จึงแตกต่างไปจาก พปชร.ชัดเจน ดังนั้น พันธมิตรที่มีแนวทางการเมืองสอดคล้องกับ พปชร.มากที่สุด จึงหนีไม่พ้น พรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ รปช. ที่ลุงกำนันสุเทพ เป็นผู้ขับเคลื่อนคนสำคัญในช่วงที่ผ่านมา หากหวังผลเลือกตั้งครั้ง ส.ส.หน้ามากกว่านี้ ต้องไม่สู้แบบลุยเดี่ยวในสถานการณ์ที่คู่แข่งยังเข้มแข็ง และมีโอกาสเหนือกว่า การมีเพื่อนที่รู้ใจ และเป้าหมายเดียวกัน จึงสำคัญสุดๆ สำหรับ พปชร.และ พล.อ.ประยุทธ์