กรมอุทยานฯแจงเสือตาย 86 ตัวติดเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัข

2019-09-16 15:25:08

กรมอุทยานฯแจงเสือตาย 86 ตัวติดเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัข

Advertisement

กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ แจงยอดเสือโคร่งที่รับมาจากวัดหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน จ.กาญจนบุรี 147 ตัว ตาย 86 ตัว คงเหลือ 61 ตัว พบมีอาการอัมพาตลิ้นกล่องเสียง ติดเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัข


จากกรณีที่มีข่าวว่าเสือโคร่งของกลางได้ป่วยตาย ซึ่งเป็นเสือโคร่งที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ตรวจยึดจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน จ.กาญจนบุรี จำนวน 147 ตัว และนำมาดูแล ณ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จ.ราชบุรี


เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กำชับให้ตนเองดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนและสาธารณะชนให้ความสนใจ ซึ่งกรณีดังกล่าวมีความเป็นมา ดังนี้ จากการที่เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจยึดเสือโคร่งภายในสำนักสงฆ์ (หลวงตาบัว) จำนวน 7 ตัว เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2544 คงเหลือ 6 ตัว เนื่องจากตายระหว่างการขนย้าย ในบริเวณสำนักสงฆ์หลวงตาบัวทั้งหมดโดยไม่ทราบตัวผู้กระทำผิดและคณะเจ้าหน้าที่ได้ฝากเลี้ยงเสือโคร่งและสัตว์อื่นๆ ที่อยู่ภายในบริเวณพื้นที่ของสำนักสงฆ์หลวงตาบัว โดยสัตว์ป่าของกลางทั้งหมดตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากไม่มีบุคคลใดมาแสดงตนเป็นเจ้าของ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ พยายามที่จะจัดการกับสัตว์ป่าของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดินมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถดำเนินการย้ายออกมาจากวัดฯได้ จนเสือโคร่งได้สืบขยายพันธุ์เพิ่มจำนวน เป็น 147 ตัว และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.2548 กรมอุทยานแห่งชาติฯ รับแจ้งว่ามีเสือโคร่งสูญหายไปจากสถานที่เลี้ยงดูสัตว์ป่าภายในวัดป่าหลวงตาบัวฯจำนวน 3 ตัว กรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงได้เข้าเคลื่อนย้ายเสือโคร่งจากวัดป่าหลวงตาบัวฯ โดยเริ่มทยอยเคลื่อนย้ายบางส่วนในเดือน ม.ค.-ก.พ.2549 จำนวน 10 ตัว และขนย้ายที่เหลือทั้งหมดช่วงเดือน พ.ค. – มิ.ย.2549 นำไปเก็บรักษาไว้ที่ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง จำนวน 85 ตัว และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จำนวน 62 ตัว รวม 147 ตัว จากการตรวจสอบ DNA ส่วนใหญ่เป็นเสือโคร่งสายพันธุ์ไซบีเรีย และเกิดจากการผสมพันธุ์กันเอง เสือโคร่งของกลางจากจำนวน 6 ตัว


นายประกิต กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายเสือโคร่งจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ มีการเคลื่อนย้ายเสือโคร่งเดิมของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน ไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าแห่งอื่นๆ เกือบทั้งหมด คงเหลือบางส่วนที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง จำนวน 6 ตัว สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จำนวน 3 ตัว

นายสุนทร ฉายวัฒนะ หัวหน้ากลุ่มงานเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายเสือโคร่งของกลางจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน จ.กาญจนบุรี จำนวน 147 ตัว เป็นการดำเนินการในภาวะไม่ปกติ เสือโคร่งที่เคลื่อนย้ายมา ส่วนใหญ่มีภาวะเครียด เนื่องมาจากการขนย้ายและเปลี่ยนสถานที่ ซึ่งต่อมาพบปัญหาการเจ็บป่วย โดยพบว่ามีปัญหาระบบทางเดินหายใจ มีอาการหายใจเสียงดังเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นอาการอัมพาตลิ้นกล่องเสียง ทำให้การหายใจเข้าออกลำบาก เมื่ออาการหนักมากขึ้นจะไม่กินอาหาร มีอาการชักเกร็ง และตายในที่สุด และพบการติดเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัข (CanineDistemperVirus,CDV) เป็นโรคติดต่อร้ายแรงในสุนัข และสัตว์ป่าหลายชนิดรวมทั้งเสือโคร่ง ปัจจุบันยังไม่มียารักษา เป็นการเฉพาะทำได้เพียงการรักษาตามอาการ ซึ่งภายหลังจากการติดเชื้อจะพบอาการผิดปกติในระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร


นายสุนทร กล่าวต่อว่า สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง มีจำนวนเสือโคร่ง 45 ตัว เป็นเสือโคร่งที่รับมาจากวัดหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน คงเหลือ 31 ตัว จากที่รับมา 85 ตัว ตาย 54 ตัว (พ.ค.59 – 15 ส.ค. 62) และมีเสือโคร่งของกลางในคดีอื่นๆ จำนวน 5 ตัว และเสือโคร่งจากการส่งมอบคืนให้กรมอุทยานฯ 9 ตัวขณะที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน มีเสือโคร่ง จำนวน 33 ตัว เป็นเสือโคร่งที่รับมาจากวัดหลวงตาบัวญาณสัมปันโน คงเหลือ 30 ตัว จากที่รับมา 62 ตัว ตาย 32 ตัว (มี.ค. 60 – ก.ค.62)และมีเสือโคร่งของกลางในคดีอื่นๆ จำนวน 3 ตัว ทั้งนี้ เสือโคร่งที่รับมาจากวัดหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน จำนวน 147 ตัว คงเหลือ 61 ตัว ตาย 86 ตัว




นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กล่าวว่า ภายหลังจากที่ตรวจพบอาการระบบทางเดินหายใจอันเนื่องมาจากลิ้นกล่องเสียงมีอาการบวม ไม่สามารถขยับเปิดปิดระหว่างหลอดลมกับหลอดอาหารได้สนิท ทำให้หายใจลำบากมีเสียงดังและมีอาการหอบ หากมีปัจจัยของอุณภูมิที่สูงขึ้นจะส่งผลต่ออาการเครียดและตายเฉียบพลัน การรักษาสัตวแพทย์จะให้การรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาปฏิชีวนะลดอาการอักเสบ ลดไข้ รักษาอาการภูมิแพ้ บางตัวพบว่ามีอาการหายใจเสียงดังมาก สัตวแพทย์จะดำเนินการผ่าตัด แต่ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดอาการของโรคที่แน่ชัด ต่อมาส่งตัวอย่างเสือโคร่งที่ตาย พบว่าให้ผลบวกต่อเชื้อไข้หัดสุนัข (CanineDistemperVirus,CDV) ซึ่งการรักษาดังกล่าวไม่มียารักษาเป็นการเฉพาะ สัตวแพทย์ต้องดำเนินการรักษาตามอาการ เช่น ยาปฏิชีวนะ ยากระตุ้นภูมิ โดยการดำเนินการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าได้ขอรับการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และสัตวแพทย์จากซาฟารีเวิลด์ ในการแก้ไขปัญหาระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากอาการอัมพาตลิ้นกล่องเสียง และเป็นสาเหตุของการตาย เพื่อดำเนินการผ่าตัดลิ้นกล่องเสียง มิให้ปิดกลั้นระบบทางเดินหายใจในเสือโคร่งที่แสดงอาการหนัก โดยร่วมกับสัตวแพทย์ของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ดำเนินการผ่าตัด จากการรายงานของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง ในการตรวจตัวอย่างจากห้องปฏิบัติการปัจจุบันไม่พบการแพร่ระบาดเชื้อโรคไข้หัดสุนัข แต่เสือโคร่งยังมีอาการอัมพาตลิ้นกล่องเสียงที่เป็นสาเหตุการตาย ซึ่งสัตวแพทย์ได้ดำเนินการรักษาตามอาการ และกำหนดแนวทางการในการดูแลเสือโคร่งที่เหลืออยู่ ให้มีอัตราการตายลดลงและมีสวัสดิภาพที่ดีขึ้น


นายสัตวแพทย์ภัทรพล กล่าวว่า เพื่อให้การดูแลรักษาเสือโคร่งในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน ได้มีสุขภาพที่ดีลดอาการป่วย ตาย ได้กำหนดมาตรการ ดังนี้ 1.การคัดแยกเสือโคร่งตามกลุ่มอาการ โดยแบ่งกลุ่มอาการเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มปกติ ไม่แสดงอาการ 2. กลุ่มเริ่มแสดงอาการเล็กน้อย 3.กลุ่มแสดงอาการปานกลางถึงรุนแรง เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจติดตามอาการและประเมินการรักษา 2. การใช้วัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัข ในเบื้องต้นได้ประสานกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการดำเนินการโดยสัตวแพทย์ของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าจะเก็บอุจจาระและเก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการที่ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามโรคจากสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่น และสัตว์อพยพ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อทราบผลสัตวแพทย์ของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าจะพิจารณาให้วัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัขตามขั้นตอนและมีการติดตามผลเป็นระยะ 3.การดูแลรักษาเสือโคร่งที่มีอาการป่วย สัตวแพทย์จะดำเนินการให้รักษาและให้ยาตามอาการ สำหรับเสือโคร่งที่มีอาการหายใจเสียงดังอันเนื่องมาจากอาการอัมพาตลิ้นกล่องเสียงและมีโอกาสตายหากไม่ได้รับการรักษา สัตวแพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดเป็นรายกรณี โดยอาจเชิญสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมรักษาหรือให้คำแนะนำ


4.การควบคุมให้มีระบบความปลอดภัยทางชีวอนามัย ภายในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าทั้ง 2 แห่ง อย่างเข้มงวด พร้อมการปรับกรงคอกให้มีอากาศถ่ายเทสะดวกและเพิ่มพื้นที่กรงคอก(สนาม)ให้เสือโคร่ง และส่งเสริมพฤติกรรมเพื่อลดความเครียดของเสือโคร่ง 5.มีสัตวแพทย์ปฏิบัติงานประจำสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าทั้ง 2 แห่ง พร้อม สัตวแพทย์จากสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าจะสนับสนุนและติดตามการดูแลรักษาทุกสัปดาห์ โดยจะมีการประชุมเพื่อประเมินผลการดูแลรักษา