สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 37

2019-09-16 13:26:40

สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 37

Advertisement

นายสนธิรัตน์ สนธิจิระวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงผลการการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 37 ณ โรงแรม ดิแอทธินี โฮเทล กรุงเทพฯ ว่า รัฐมนตรีพลังงานอาเซียน มีความยินดียิ่งที่ได้หารือระหว่างกัน และได้หารือร่วมกับประเทศคู่เจรจา รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศด้านพลังงาน ในการประชุม AMEM ครั้งที่ 37 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับผลการประชุมในครั้งนี้ได้บรรลุหลากหลายเป้าประสงค์ของอาเซียน ดังนี้

  1. ที่ประชุมได้ติดตามและรับทราบถึงผลลัพธ์ของการประชุม AMEM ครั้งที่ 36 เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2018 ซี่งจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายหลักในการผลักดันให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีความมั่นคงและยั่งยืนทางด้านพลังงาน รวมทั้งได้ร่วมกันหารือเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน หรือ ASEAN Plan of Action for Energy Cooperation 2016 – 2025 (APAEC)

  2. ในการผลักดันความร่วมมือด้านการซื้อขายไฟฟ้า ที่ประชุมได้เห็นชอบกับโครงการซื้อ-ขายไฟฟ้าแบบพหุภาคี ลาว - ไทย – มาเลเซีย ในระยะที่ 2 เพื่อที่จะเพิ่มเพดานปริมาณการซื้อขายไฟฟ้า LTM-PIP ให้ได้ 300 เมกะวัตต์

  3. ที่ประชุมยอมรับการศึกษาวิจัยความเป็นไปได้ของการซื้อ-ขายไฟฟ้าแบบพหุภาคี โดยจากการศึกษาดังกล่าวพบว่า การซื้อขายไฟฟ้าแบบพหุภาคีจะช่วยเพิ่มความสมดุลของระบบสายส่งไฟฟ้า และจะส่งเสริมรายได้แก่ประเทศทางผ่าน อีกทั้งการศึกษาวิจัยนี้ ยังช่วยส่งเสริมการขยายการซื้อ-ขายไฟฟ้า แบบพหุภาคีไปยังประเทศอื่น ๆ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการก่อตั้งเป็นศูนย์กำกับดูแลการซื้อ-ขายไฟฟ้าแบบพหุภาคีต่อไป



  4. ในด้านพลังงานหมุนเวียนในภาคไฟฟ้า ที่ประชุมได้รับทราบถึงความสามารถในการแลกเปลี่ยนซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาค รวมทั้งการผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งเสริมให้พลังงานทดแทนสามารถซื้อขายในสายส่งไฟฟ้าอาเซียนได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งที่ประชุมได้ยินดีและยอมรับในการลงนามใน MOU ระหว่าง ASEAN Center of Energy และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งการลงนามใน MOU นี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพมากขึ้น ช่วยพัฒนาศักยภาพของบุคลากร และส่งเสริมให้เกิดการก่อตั้งศูนย์ศึกษาและพัฒนาเครือข่ายเชื้อเพลิงชีวภาพในภูมิภาคอาเซียน โดยที่ประชุมได้แสดงความยินดีและชื่นชมกรณีศึกษาเกี่ยวกับการใช้พลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ

  5. ผลการลดความเข้มการใช้พลังงานในอาเซียน รัฐมนตรีพลังงานอาเซียนได้รับทราบความก้าวหน้าของการลดค่าความเข้มของการใช้พลังงาน 24.4% เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2548 ซึ่งมีกิจกรรมภายใต้แผนการลดการใช้พลังงานของภูมิภาค อาทิ การจัดทำมาตรฐานขั้นต่ำอาเซียนของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ หลอดไฟ และเครื่องปรับอากาศ



  6. การประชุม AMEM + 3 ในครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่ 16 เป็นการประชุมของรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานร่วมกับประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี โดยเรายืนยันว่าอาเซียนกำลังเดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายความมั่นคงด้านพลังงานที่ดียิ่งขึ้น มีความน่าเชื่อถือทางด้านเศรษฐกิจ และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมในด้านพลังงาน อีกทั้งยังได้แสดงเจตจำนงในการสนับสนุนความร่วมมือ ASEAN กับประเทศคู่เจรจาบวก 3 และได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อยอดแผน APAEC ระยะที่ 2 สำหรับปี 2021 – 2025 ซึ่งจะเริ่มใช้ในปี 2020

  7. ที่ประชุมยอมรับในความคืบหน้าของการดำเนินกิจกรรมผ่านการทำงาน 3 ความร่วมมือทางด้านพลังงาน คือ 1) การทำงานเกี่ยวกับพลังงานที่ยั่งยืนและการอนุรักษ์พลังงาน 2) การทำงานเกี่ยวกับพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อการคมนาคมและอื่นวัตถุประสงค์อื่น ๆ และ 3) การทำงานเกี่ยวกับ RAPG

  8. ที่ประชุมมีความคาดหวังที่จะร่วมมือในด้านการศึกษาวิจัย การพัฒนาและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคาร์บอนรีไซเคิล อีกทั้งยังมีการเน้นย้ำให้มีการระดมทุนเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานที่หลากหลาย และเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ด้านพลังงานที่มั่นคงและยั่งยืน



  9. นอกจากนี้ ได้มีการประชุมร่วมกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ หรือ IEA และ ทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ หรือ IRENA ซึ่งมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยที่ประชุมได้รับทราบถึงความต้องการการใช้พลังงานที่มีเพิ่มมากขึ้น และความท้าทายในช่วงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลก อีกทั้งที่ประชุมได้หารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผลักดันการซื้อขายพลังงานในภูมิภาค การแปลงพลังงานทดแทนเข้าสู่ระบบไฟฟ้า และบทบาทของพลังงานทดแทน ทั้งนี้ รัฐมนตรีพลังงานอาเซียนได้แสดงความขอบคุณต่อ IEA และ IRENA ที่ได้สนับสนุนอาเซียนในการจัดการกับปัญหาทางด้านพลังงานและเทคโนโลยี รวมทั้งการสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงาน

  10. ได้มีพิธีการมอบรางวัล ASEAN Energy Awards โดยรัฐมนตรีอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ และรัฐมนตรีของประเทศคู่เจรจาเป็นผู้มอบรางวัลในแต่ละสาขาให้แก่ผู้รับรางวัล ซึ่งปีนี้มีทั้งหมด 98 รางวัล โดยแบ่งเป็น 5 สาขาดังนี้ 1) สาขาถ่านหินสะอาด 2) สาขาอนุรักษ์พลังงาน 3) สาขาพลังงานทดแทน 4) สาขาการบริหารจัดการด้านพลังงาน และ 5) รางวัลประเภทบุคคลดีเด่นด้านพลังงาน โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ได้พบปะพูดคุย และแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการและบุคคลผู้ที่ได้รับรางวัล ASEAN Energy Awards ด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานของไทยพร้อมแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจอีกด้วย

  11. สุดท้ายนี้ ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ผลลัพธ์และผลสำเร็จของการประชุมในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมภูมิภาคอาเซียนให้ก้าวหน้าและพัฒนาอย่างยั่งยืนไปพร้อม ๆ กัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง