สมาคมนักกำหนดอาหารเผย 80% คนไทยกินอาหารเกินความจำเป็นต่อร่างกาย แนะวิธีการดูแลป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ด้วยการปรับพฤติกรรมการกินให้ถูกหลักโภชนาการ ควบคุมอาหาร อย่าปล่อยให้อ้วน
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่โรงแรมเซ็นจูรี่พาร์ค สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย ภายใต้โครงการป้องกันและส่งเสริมคนไทยไม่ให้เจ็บป่วยฉุกเฉิน สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีระดมทีมแพทย์ บุคลากร ผู้เชี่ยวชาญทางด้านงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน จากทั่วประเทศกว่า 100 คน จัดอบรม “มีสุขภาพดี...คุมได้ แก้ไขได้ทัน...สรรค์ความช่วยเหลือ”
ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางสมาคมจะมีผู้ที่เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มาร่วมถ่ายทอดความรู้ ฝึกคนให้เป็นครู เพื่อนำไปสู่การป้องกันไม่ให้คนไทยเจ็บป่วยฉุกเฉินได้ และยังสามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตของตนเองและคนใกล้ชิด
ศ.นพ.พินิจ กุลละวณิชย์ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวว่า จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า สาเหตุการตายของคนไทย 3 อันดับแรก คือ มะเร็ง อุบัติเหตุ โรคหัวใจและหลอดเลือด สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วง คือ คนไทยมีการกินอาหารที่มากเกินความจำเป็นต่อร่างกาย ทำให้เสี่ยงเกิดภาวะอ้วนมากขึ้น ดังนั้น ผู้ที่อ้วน หรือภาวะน้ำหนักเกิน เสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งตับ หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่
ด้านอาจารย์ศัลยา คงสมบูรณ์เวช ประธานฝ่ายวิชาการสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาการกินอาหารของคนไทยส่วนมากมุ่งเน้นไปที่รสชาติและหน้าตาของอาหารมากกว่าจะคำนึงถึงคุณค่าสารอาหาร นอกจากนี้ยังมีการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล โซเดียม แป้ง ไขมันเกินความต้องการของร่างกาย ทำให้แคลอรี่เกิน สำหรับตัวอย่างของหวานและเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่เกินความจำเป็นที่เห็นกันอยู่เสมอ เช่น ชานมไข่มุก กาแฟเย็นรสต่างๆ เบเกอรี่ ขนมหวาน
“จากประสบการณ์ที่ดูแลผู้ป่วย พบว่า มีประชาชนเพียง 20% โดยประมาณที่บริโภคอาหารถูกต้อง ส่วนที่เหลือ 80% เป็นการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ได้รับสารอาหารไม่สมดุลต่อร่างกาย เช่น บางคนไม่กินผักหรือผลไม้ บางคนกินแป้ง ไขมัน โซเดียมมากเกินควร ส่งผลให้ได้รับพลังงานมากเกินความต้องการ ทำให้เกิดปัญหาโรคอ้วน เมตาโบลิกซินโดรม และกลุ่มโรคเรื้อรังไม่ติดต่อ ส่วนวิธีการรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างง่ายๆ ในการป้องกันโรค คือ ลดความหวาน มัน เค็ม รับประทานผักหลากหลายสี ผลไม้ที่หลากหลายชนิดตามฤดูกาล วันละ 2 ชนิดในปริมาณพอสมควร ข้าว แป้ง โปรตีนหรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน อย่างละ 1/4 ของมื้ออาหารที่รับประทาน ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ วันละ 1-2 ครั้ง ก็จะได้รับสารอาหารครบทุกหมู่ และได้รับสารอาหารสมดุล” อาจารย์ศัลยา กล่าว