“ปิยบุตร” ชี้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูปไม่ได้ ทำลายระบบพรรคการเมือง ฟันธงต่อจากนี้จะเกิดผลเสียเป็นลูกระนาด เปิดช่องพรรคเล็กควบรวมกับพรรคใหญ่ ส่งผลต่อการคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ทั้งหมด หากมีการเลือกตั้งใหม่ กระทบ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับสุดท้าย ของ พปชร.
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการยุบพรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ว่า กรณีของพรรคประชาชนปฏิรูป ตามที่ กกต. ประกาศให้สิ้นสภาพ ด้วยเหตุที่มีการเลิกพรรคตามข้อบังคับ ในความเห็นตนจากการพิจารณากฎหมายทั้งระบบ คือ การเลิกพรรคแบบนี้ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นการใช้บทบัญญัติเลิกพรรคแบบบิดผัน เพื่อการควบรวมพรรคที่ไม่สอดคล้องกับ พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพราะคุณรู้ว่าเลิกตรงๆ ไม่ได้ จึงหนีไปใช้ช่องเลิกพรรค เพื่อควบรวมพรรค ต่อจากนี้จะเกิดผลเสียเป็นลูกระนาด เพราะพรรคเล็ก จะใช้ช่องทางนี้ในการควบรวมกับพรรคใหญ่ ส่งผลการคำนวณคะแนนแบบบัญชีรายชื่อใหม่ทั้งหมด หากมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคที่เลิกกิจการไป จะนำคะแนนมารวมที่พรรคไหน หรือทิ้งน้ำไป และจะส่งผลให้ ส.ส. พรรคเล็กที่ย้ายไปพรรคใหญ่ กลายเป็นส.ส. ที่ไม่มีวันหลุดอีกเลย
นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า หากนายไพบูลย์ ไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แล้วเกิดการเลือกตั้งซ่อมใหม่ในเขตหนึ่ง จนคะแนนดิบเปลี่ยน ก็ต้องนำคะแนนมาคำนวณใหม่ เดิมนายไพบูลย์ อยู่พรรคประชาชนปฏิรูปก็ต้องหวังว่าคะแนนตัวเองจะไม่ถึง แต่เมื่อย้ายไปพรรคพลังประชารัฐ เขาจะไม่มีวันหลุดจากการเป็น ส.ส. แต่คนที่จะหลุดคือ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับสุดท้าย ของพรรคพลังประชารัฐ ถ้าตนเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับสุดท้าย ของพรรคนั้น ก็คงไม่อยากรับนายไพบูลย์เข้ามา ผลเสียอีกอย่างคือ เป็นการทำลายระบบพรรคการเมือง และทำลายเจตจำนงค์ที่ประชาชนเลือกนายไพบูลย์ แต่นายไพบูลย์ทิ้งคะแนนกว่า 4 หมื่นคะแนน ดังนั้นการตีความของ กกต. ต้องตีทั้งระบบ ไม่ใช่ตีความตามแค่ตัวอักษร ไม่เช่นนั้นจะเกิดการนำเอาตัวอักษรมาเล่นแร่แปรธาตุหลบช่องกฎหมาย