ครอบครัวตัวแสบ "เปิ้ล นาคร" กระเตงลูกเมีย เคลียร์ทุกดราม่า (มีคลิป)

2019-08-26 16:10:20

ครอบครัวตัวแสบ "เปิ้ล นาคร" กระเตงลูกเมีย เคลียร์ทุกดราม่า (มีคลิป)

Advertisement



แค่เห็นใบหน้าคุณหัวหน้าครอบครัวนี้ ก็อาจทำให้หลุดหัวเราะออกมาดังๆ ได้แล้ว ยิ่งเจอวีกรรมความซนเจ้าเด็กน้อยสมาชิกทั้ง 4 ของบ้านนี้อีกล่ะก็ บอกก่อนเลยว่า ได้ฮาจนน้ำหูน้ำตาไหลอย่างแน่นอน สำหรับ "เปิ้ล นาคร ศิลาชัย" ที่ได้จูงลูกจูงเมีย "จูน กษมา""น้องออกัส" และ "ออก้า" มาเผยวีรกรรมสุดแสบของครอบครัว ในรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง One31 เพื่อเคลียร์ประเด็นดราม่ากรณีย้ายโรงเรียนให้ลูกๆ ทั้ง 4 ออ เพราะติดหรู หวังอัพเกรด พร้อมเผยค่าเทอมลูกๆ ปีละหลายล้านบาทจริงหรือเปล่า ? 



ดราม่าเยอะแยะไปหมด ?



เปิ้ล : ไม่แปลกใจหรอก ในโลกโซเชียลทุกคนมีความเห็นหลายๆ มุม มองมุมบวกโลกสวยเอาใจครอบครัวเราอย่างเดียวมันเป็นไปไม่ได้ การที่เราจะย้ายไปไหน ดีก็ต้องมีไม่ดี ขนาดเปิ้ลบวชให้แม่ยังมี Unlike คน Like เป็นแสน Unlike 30 ก็มา คงไม่เห็นด้วยกับการบวช ว่าแต่ว่า เขาดราม่ากันเรื่องอะไรนะ (หัวเราะ)

เรื่องย้ายโรงเรียนเพื่ออัพเกรดความไฮโซลูกๆ หรือเปล่า เพราะโรงเรียนเดิมอยู่หน้าบ้านก็สะดวกอยู่แล้ว ?
เปิ้ล :
คือจริงๆ โรงเรียนหน้าบ้านเป็นโรงเรียนนานาชาติที่เป็นระบบอเมริกัน โดยส่วนตัวเราชอบวัฒนธรรมแบบอังกฤษ เพราะเราเคยไปเรียนที่อังกฤษเราว่าวัฒนธรรมเค้าดี





เพราะ รร. ที่ย้ายไปค่าเทอมลูกๆ แพงมาก เห็นว่าปีหนึ่งต่อคน 1 ล้านบาทจริงมั้ย ?
เปิ้ล : ผมว่าเรื่องค่าเทอมแพง มันก็แพง แต่ผมว่าถ้าเรายังไม่ตายแล้วเราสามารถหาได้ อะไรก็ได้ที่ให้ลูกทั้งหมดได้ผมก็ให้ลูกหมด แล้วอีกอย่างมันเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง จริงๆ แล้วแต่ละโรงเรียนก็สอนให้เด็กมีความรู้ สอนให้เด็กเป็นเด็กดีเหมือนกันหมด เราอยากให้ลูกพูดภาษาอังกฤษเก่งกว่าเรา

จริงๆ พ่อแม่ทุกคนก็มีแนวทางอยากให้ลูกไปข้างหน้าแตกต่างกัน ...
จูน : จูนคิดกับพี่เปิ้ลว่าสิ่งที่เราหาให้ได้ก็คือความรู้ อยากกิน อยากเที่ยวอะไรทำให้ได้หมด แต่เรื่องการศึกษาจูนเรียนไม่เก่ง พี่เปิ้ลก็เรียนไม่เก่ง พอเราเริ่มมีอายุเราเริ่มรู้แล้วว่าการมีการศึกษาจะทำให้ลูกเราเก่ง ทำให้ลูกเราอยู่ในสังคมที่ดี แล้วเค้าเอาไปต่อยอดตัวเค้าเองได้ อันนี้จูนยอมแลก ให้ทำงานเหนื่อยแค่ไหนเพื่อเก็บตังค์ค่าเล่าเรียนจูนว่าไม่น่าผิดนะ



เปิ้ล : จริงๆ แล้วที่เค้าเขินเวลามีผู้ใหญ่ให้พูดภาษาอังกฤษเป็นเพราะว่าครอบครัวเราพูดภาษาไทย เพราะเค้าอยู่ในโรงเรียน 6-8 ชั่วโมง เค้าต้องพูดภาษาอังกฤษอยู่แล้ว พอกลับมาบ้านก็อยากให้พูดไทย ซึมซับวัฒนธรรมไทย ทุกอย่างที่เป็นไทยให้ได้มากที่สุด ถ้าถามว่าดัดจริตเอาไปเรียนอังกฤษทำไม ซึ่งอีกหน่อยเชื่อมั้ยโลกจะไม่กลมนะ โลกจะแบนเท่ากันหมด เพราะฉะนั้นทุกอย่างการเดินทางเข้าหากัน การเชื่อมเข้าหากันในโลกข้างหน้ามันจะเท่ากันหมด ภาษาที่เป็นภาษากลางคือภาษาอังกฤษ ภาษาจีน นี่คือสิ่งที่เราควรจะให้เค้าให้ได้



ลูกๆ ตั้ง 4 คน คนละ 1 ล้านบาท ปีนึง 4 ล้านบาท มีคนเมาท์ว่าเป็นครอบครัวฟอกเงินรึเปล่า ?
เปิ้ล : จริงๆ จะหาได้มากได้น้อย เสียภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายคือสิ่งที่ดีที่สุด อีกหน่อยในอนาคตเราอาจจะเติบโตเข้าตลาดหลักทรัพย์ซึ่งตรงนั้นการปูพื้นฐานที่ดีคือการเสียภาษีให้ถูกต้องที่สุด จะได้ไม่ต้องมีคดีถึงลูกเราด้วย



พูดถึงความสามารถของออก้า ตอนนี้เป็นนักกีฬาเยาชนแล้ว ?
เปิ้ล : เค้าขี่เจ็ตสกีตั้งแต่อายุ 3 ขวบตอนนี้เค้ากำลังเป็นตัวแทนของ กทม. ในการแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติในต้นปีหน้า ตอนนี้ยังฝึกซ้อมอยู่ยังไม่เก่ง อายุน้อยที่สุดแล้วในประเทศไทยที่เข้าไปแข่งระดับชาติ



ภูมิใจแค่ไหน ?
เปิ้ล : ภูมิใจแค่ไหนยังไม่ทราบเพราะผลมันยังไม่แข่ง



ตอนที่ลูกลงแข่งร้องไห้เพราะอะไร ?
ออก้า : ไม่อยากแข่ง

เปิ้ล : เพราะอะไรรู้มั้ย ตอนจะลงแข่งเค้าประกาศชื่อแล้วคนกรี๊ดกันทั้งสนาม ออก้ากำลังจะลงปุ๊บถอดถุงมือวิ่งเข้ามากอดขา



เห็นว่าต้องแข่งกับเด็กอายุ 12 ?
เปิ้ล : ตอนนี้เค้า 7 จะ 8 ขวบเค้าต้องไปแข่งกับเด็กอายุ 12 ก็บอกให้เค้าแข่งไปไปเถอะ เพราะยังไงก็ไม่ชนะอยู่แล้ว แต่ให้แข่งเอาประสบการณ์

ไปอยู่กับความเร็วแบบนี้ไม่กลัวหรอ ?
จูน : ตั้งแต่ออก้าเริ่มขับเจ็ตสกีจูนก็เริ่มมีปัญหากับพี่เปิ้ลเหมือนกัน เรารู้ว่าเวลาพี่เปิ้ลตกมันเป็นยังไง สภาพที่จูนเห็นคนอื่นตลอดคือหัวกระแทกเรือบ้าง มันอันตราย เค้าก็ให้เหตุผลว่า ออก้าก็ลูกเค้าเหมือนกัน เค้าก็ไม่ปล่อยให้ไปเจ็บไปตายหรอก หรือจะให้ชวนไปเล่นยามั้ย

เปิ้ล : แรกๆ ก็มีออก้าขี่ออกไปกลางทะเลแล้วเจอคลื่นตัวตีลังกาลอยหล่นลงมาฟาดน้ำ เปิ้ลกับจูนขี่ตามอีกคัน เห็นออก้านอนหงาย เลือดออกที่ปาก พี่เปิ้ลก็เข้าไปหัวเราะ ออก้าเห็นพ่อหัวเราะก็หัวเราะด้วยก็ไต่ขึ้นเรือเอาน้ำล้างเลือดแล้วก็ขี่ไปต่อ



ออก้าตอนตกเรือเจ็บมั้ย ?
ออก้า : เจ็บ

คาแรกเตอร์ลูกสี่คนต่างกันยังไงบ้าง ?
เปิ้ล : ออกัสจะเป็นเหมือนผู้นำ เป็นพี่สาวที่เป็นผู้นำ พี่เปิ้ลชอบเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้นำ เราก็เลยรู้สึกว่าลูกคนแรกของเราต้องเป็นผู้หญิง พี่ออก็เป็นอ่ยางนั้นจริงๆ ส่วนออก้าก็จะเป็นนักรบ บ้าพลัง จะเป็นสายนักกีฬา ชอบเล่นอะไรแรงๆ ออกู๊ด ก็จะนึกถึงโนบิตะ เอะอะร้องไห้ ส่วนออเกรซ

ออกัส : เป็นเหมือนไจโกะ แสบๆ ชอบแย่งของ ชอบแกล้งคน



กิจกรรมของบ้านนี้ชอบอาบน้ำอ้วยกันทั้งบ้านจริงมั้ย ?
เปิ้ล : พ่อแม่ลูก อาบกัน 6 คน ชวนพี่เลี้ยงแล้ว แต่ไม่มา (หัวเราะ)

ทำไมชอบเปิดคลิปสยองให้ลูกดู คลิปแบบไหน ?
จูน : จูนเคยใช้วิธีปกติที่บ้านใช้กันคือสอนกัน แบบเวลารถถอยต้องรอตรงนี้ เด็กเค้าไม่เข้าใจ เค้า 2-3 ขวบเค้านึกไม่ออก เราก็เลยเอาคลิปจริงเนี่ยแหละ ที่มีอุบัติเหตุเห็นๆกัน ชนจริงๆ เหยียบจริงๆ ตายจริงๆ ให้เค้าดู อย่างคลิปเด็กตกบันไดเลื่อน ลิฟต์หนีบมือ มือขาด ให้เค้าดูให้เห็น ให้จำเลย

เปิ้ล : คือเด็กต้องได้รับการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ บางทีพ่อแม่ อย่าทำนั่น อย่าทำนี่ นึกไม่ออก หรือทุกวันนี้เราส่งลูกไปอบรมเวลาไฟไหม้บ้านต้องทำยังไง เวลาไฟไหม้ถ้าเราต้องกระโดดจากที่สูงต้องกระโดดยังไงหรือเวลามีควันขึ้นมาเราต้องมุดควันยังไง

ออกัส : เอาผ้าอะไรก็ได้ที่หาได้ เอาใส่น้ำแล้วบิดให้หมาดๆ เอามาคลุมจมูก ควันจะได้ไม่เข้าไป เราจะได้ไม่ตาย

เปิ้ล : ออก้า ถุงพลาสติกเอามาทำอะไร

ออกัส : ตอนที่ยังไม่ค่อยมีควัน เราเอาถุงพลาสติกใหญ่ๆมาแล้วตีลมเข้าไป แล้วก็ครอบหัวเราจะได้มีอากาศ

เปิ้ล : ยิ่งเวลาไฟไหม้มา ให้เราทำยังไง

ออกัส : ถ้าไฟไหม้ติดหลังเรา ให้เราหยุดแล้วให้เรานอนกับพื้นปิดหน้า แล้วกลิ้ง แล้วไฟมันจะดับเอง



แล้วเรื่องดราม่าสินค้าที่เกิดขึ้นให้กำลังใจแม่จูนยังไง ?
เปิ้ล : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างคอขาดบาดตายสำหรับครอบครัวเราและครอบครัวคนอื่นที่ทำมาค้าขายด้วยกัน แต่ขอพูดที่เดียวที่งานอีเวนต์เสาร์ที่ 24 ส.ค. 

ก่อนจะถึงงานในระหว่างที่เกิดปัญหาเครียดขนาดไหน ?
จูน : เครียดค่ะ เป็นมาระยะนึงสักพักแล้วด้วย ไม่ใช่แบรนด์หนูแบรนด์เดียว



เราให้กำลังใจกันยังไง ?
จูน : คือแค่คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว เราทำถูกต้องแล้ว แต่พอเรามาโดนแบบนี้แล้วด้วย เราเช็กกับแบรนด์อื่นด้วยโดนเหมือนกันหมด ก็เลยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่จัดการ

เปิ้ล : ต้องออกมาเคลื่อนไหว สู้เพื่อเมีย เมียข้าใครอย่าแตะ



คลิปสัมภาษณ์ เปิ้ล จูน ออกัส ออก้า