“กอบศักดิ์”ยันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สะเปะสะปะ (คลิป)

2019-08-22 19:15:11

“กอบศักดิ์”ยันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สะเปะสะปะ (คลิป)

Advertisement

“กอบศักดิ์”ยันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สะเปะสะปะ มุ่งเป้าช่วยคนที่มีปัญหาที่สุดในขณะนี้ทั้งเกษตกรประสบปัญหาภัยแล้ง ผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบการ หวังให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ทำให้เศรษฐกิจไหลเวียน เผย 30 ส.ค.จ่อประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดที่ 2 ถกมาตรการดึงดูดการลงทุน กระตุ้นการส่งออก

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรรมการและเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ กล่าวว่า ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีการรายงานภาพรวมเศรษฐกิจ และการกำหนดกรอบการทำงานของ ครม.เศรษฐกิจโดยรวมว่าจะมีนโยบายกี่ด้านและเป้าหมายเศรษฐกิจเป็นอย่างไร เบื้องต้น ครม.เศรษฐกิจได้ตกลงว่าปีนี้ เรารู้ว่าเศรฐกิจโลกไม่ดี แต่เราตั้งเป้าว่าปีนี้เศรษฐกิจต้องโตไม่น้อยกว่า 3 % โดยไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 2.8 % ไตรมาสที่ 2 2.3 % เฉลี่ยประมาณ 2.6 % ดังนั้นครึ่งหลังของปีนี้เศรษฐกิจต้องโตเกิน 3 % เพื่อจะให้ตัวเลขใกล้ ๆ 3 % ในส่วนนี้ได้แจกจ่ายงานทุกคน คนแรกที่รับงานและส่งการบ้านเลยคือกระทรวงการคลัง


ดร.กอบศักดิ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงการคลังรับหน้าที่ที่จะสร้างความเชื่อมั่นในระยะสั้นให้กลับมาก่อน เพราะช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไหลลงมาจาก 5% ค่อย ๆ ทยอยลงมา และลงมาที่ 2.3% ก็น่ากังวลใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลอยู่ในช่วงหลังเลือกตั้ง ยังตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้ ข้าราชการก็กำลังรอดูอยู่ จะทำอะไรก็กล้า ๆ กลัว ๆ พอมีรัฐบาลก็เป็นจุดเริ่มต้นส่งสัญญาณว่ารัฐบาลเข้ามาพร้อมแล้วนะ กำลังจะทำนโยบายต่าง ๆ กระทรวงการคลังก็ออกนโยบายประมาณ 3.16 แสนล้านบาท ตั้งใจจะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่า รัฐบาลจะเริ่มเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ว

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลัง จะมีงบประมาณ 2 ส่วน คือ งบประมาณประมาณแสนล้าน และอีกส่วนเป็นสินเชื่อ 2 แสนล้าน ซึ่งใน 3 แสนล้าน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1 การช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง 2.ผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลคิดว่าเพื่อให้เงินไหลเวียนมากขึ้น ก็จะส่งเงินไปอยู่ 3 ส่วนคือ ผู้มีรายได้น้อยตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก เป็นการเติมเงินในกระเป๋าประชาชนฐานรากทุกจังหวัด 14 ล้านคน ไม่เป็นไอติม ไม่ต้องรอเงินเข้าสู่กระเป๋าใช้ได้ทันที ไม่ต้องลงทะเบียน และ 3.ผู้ประกอบการ จะมีการกระตุ้นการใช้จ่ายให้เกิดขึ้นในเรื่องการท่องเที่ยว ชิม ช็อป ใช้ เป็นมาตรการทำอย่างไรให้คนไปเที่ยวเมืองรอง และกระตุ้นการใช้จ่าย รวมไปถึงการเพิ่มสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ

“ทั้งหมดเป็นการมองจากมุมต่าง ๆว่า เกษตรกรที่ประสบภัยแล้งควรได้รับการช่วยเหลือ ผู้มีรายได้น้อยทำอย่างไรให้เงินอยู่ในกระเป๋ามากขึ้น ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องดีขึ้นสามารถเดินหน้าไปได้ ผมคิดว่าตลาดก็รับดีนะครับ วันที่เราประกาศมาตรการนี้ ดูเหมือนหุ้นขึ้นไปกว่า 20 จุด สะท้อนว่าตลาดก็รอเรื่องนี้มานาน” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว


เมื่อถามว่า มาตรการที่ออกมาฝ่ายค้านก็ออกมาตำหนิว่าสะปะสะปะ ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของเขาครับ ต่อให้ดีกว่านี้ก็คงตำหนิอยู่ดี แต่อยากเรียนว่า มาตรการที่เราทำมุ่งเป้าไปที่คน 3 กลุ่ม อย่าง เกษตรกรที่ประสบปัญหาต้องช่วยอันนี้ไม่สะเปะสะปะแน่นอน กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ เด็ก ช่วยตัวเองไม่ได้ ในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัว เราก็มุ่งเป้าไปช่วยคนที่มีปัญหาที่สุดในสังคมขณะนี้ก็ลงไปจุดนั้น อีกกลุ่มที่จะทำให้เกิดกำลังซื้อ กำลังจับจ่ายใช้สอย ในการจะกู้ยืม ทำให้เศรษฐกิจไหลเวียน นี่คือกลุ่มผู้กอบกอบการ ผู้มีรายได้ปานกลางที่จะออกไปท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอย ในการจะเดินหน้าโครงการต่าง ๆ

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งหมดนี้ เป็นการทำมาตรการขั้นต้น เพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงแรก ฟื้นความเชื่อมั่นของทุกคน ส่วนระยะยาวยังมีอีกหลาย ๆด้าน ครม.เศรษฐกิจก็คุยกันว่าเพื่อให้ได้เป้า 3 % ในปีนี้ และ 3.5 % ปีถัดไป จะมีการแบ่งงานกันอย่างไรบ้าง อย่างกลุ่มผู้มีรายได้น้อยซึ่งทำไปแล้วส่วนหนึ่ง เกษตรกร ตอนนี้กำลังคุยมาตรการช่วยเหลือชาวนา มีการนำเข้าที่ประชุม นบข.ไปแล้ว กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเราช่วยเบื้องต้น เอาเงินไปใส่กองทุนสินเชื่อเพื่อให้เขามีสภาพคล่องมากขึ้น สามารถลงทุนเครื่องจักร ปรับเปลี่ยนเครื่องจักร

“ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ เรากำลังนัดท่านนายกฯ หากท่านว่างจะประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดที่ 2 ก็จะเป็นมาตรการที่เหลืออีก 2 ด้าน คือ มาตรการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และมาตรการกระตุ้นการส่งออก ซึ่งตั้งเป้าแล้วว่าครึ่งหลังของปีต้องได้ 3 % ปีหน้าทั้งปีโต 3.5 % อย่างการค้าชายแดนตรงไหนมีปัญหาก็จะนำเข้าหารือปลดล็อกด่านไหนมีปัญหาอะไรเพื่อให้การค้าการขายคล่องตัว “ดร.กอบศักดิ์ กล่าว

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ช่วงที่ผ่านมาสงครามการค้าเกิดขึ้นระหว่างจีน-สหรัฐฯ นักลงทุนในจีน ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน กำลังมองหาฐานใหม่ วันที่ 30 ส.ค. บีโอไอก็จะเอาเรื่องนี้มาหารือ นอกจากนี้จะทำเรื่องการท่องเที่ยว และโครงการขนาดใหญ่ที่จะขับเคลื่อนให้เดินไปได้ ยืนยันว่าไม่ได้สะปะปะสะ เพราะเราคำนวณแล้วว่าให้เศรษฐกิจโต 3 % ใครต้องทำอย่างไร ท่ามกลางความคับขัน ประเทศไทยมีโอกาส มีความเป็นไปได้ แต่ต้องแจวในจังหวะเดียวกัน ต่างคนต่างแจว ต่างคนต่างไปประเทศไทยล้มเหลวแน่ แต่ถ้าเรามีศูนย์กลางในการหารือ รวมใจทุกคนเป็นหนึ่งเดียว แล้วเข้าจังหวะกัน อันนี้คิดว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ อยากเรียนว่าสิ่งที่กระทรวงการคลังทำไปเป็นมาตรการเบื้องต้น เพื่อเอาเงินออกไปก่อน ให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้บ้าง ทุกคนมั่นใจว่ารัฐบาลเอาจริงแน่ ก็ออกไป 3 แสนล้าน หลังจากนั้นจะมีมาตรการเสริมด้านต่าง ๆไม่ว่าจะเป็น ส่งออก ท่องเที่ยว ลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการ รวมถึงเกษตรกร ออกมาเป็นระยะๆ แล้วทุกอย่างก็จะสอดประสาน ไปในสเต็ปที่สอดคล้องกันครับ