เริ่มแล้วแกนนำพันธมิตรประชุมเข้มหลังศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้อง 4 จำเลยคดีสลายการชุมนุมปี 2551
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยก่อนการหารือกับแกนนำพันธมิตรฯถึงแนวทางในการประชุมการยื่นอุทธรณ์ในคดีสลายการชุมนุมปี 2551 ว่า การหารือจะแบ่งเป็น 3 กรอบแนวทาง คือ 1.แกนนำจะวิเคราะห์กรอบคำพิพากษาของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองร่วมกัน ประกอบด้วยทนายความ ทีมกฏหมาย อดีตแกนนำ และกลุ่มผู้เสียหายประเมินร่วมกันและแสดงความคิดเห็นว่าคิดอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ยังมีข้อจำกัดเนื่องจากคำพิพากษาฉบับเต็มและในส่วนคำพิพากษาเสียงข้างน้อยที่มีความสำคัญยังไม่ได้มีออกมา 2.จะหารือถึงการทำความเห็นร้องให้ ป.ป.ช.ใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ยื่นอุทธรณ์ได้ ซึ่งเชื่อว่า ป.ป.ช.จะยื่นอุทธรณ์ เพราะหาก ป.ป.ช ไม่ยื่นอุทธรณ์จะต้องตามคำถามกับประชาชนถึงเหตุผลในเรื่ิองนี้
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า 3.การนำความเห็นขององค์กรอิสระ ที่ทางกลุ่มพันธมิตรฯเคยยื่นร้องเช่น คณะกรรมการสิทธอมนุษยชน ป.ป.ช. ที่มีความเห็นในลักษณะที่ว่าการสลายการชุมนุมมีลักษณะเจตนาฆ่ามาวิเคราะห์ รวมถึงนำคำพิพากษาศาลปกครองกลางที่ชี้ว่ามีการกระบวนการสลายการชุมนุมละเมิดสิทธิ์ผู้ชุมนุม ผิดหลักสากล และคำวินิจฉัยของศาลแพ่งและศาลรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางต่อสู้ช่องทางอื่น ซึ่งการอุทธรณ์ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานใหม่ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนด
สำหรับแกนนำกลุ่มพันธมิตรที่จะร่วมหารือ อาทิ นายพิภพ ธงไชย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายสุริยะใส กตะศิลา และ นายวีระ สมความคิด ส่วนพล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ติดภารกิจไม่ได้เดินทางมาแต่ได้เขียนความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรส่งมาด้วย
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการรวมตัวกันของกลุ่มพันธมิตรฯหลังมีคำพิพากษายกฟ้องเจ้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมปี 2551 ว่า ทุกอย่างต้องยืดตามกฎหมาย หากมีการรวมตัวกันเกิน 5 คนขึ้นไปถือว่าผิดคำสั่ง คสช. ดังนั้นจะต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อนจึงจะดำเนินการได้ หากไม่ทำก็ผิดกฎหมาย