“อนุทิน” ลั่นไม่ต้องร่วมจ่ายบัตรทอง พร้อมถก ครม.เศรษฐกิจ 16 ส.ค.นี้ ชูการซื้อวัสดุ อุปกรณ์การแพทย์ผลิตในไทย หมุนเวียนในประเทศ 2-3 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้าน ภาคประชาชน หนุน ล้วงลูก รพ.ห้ามเก็บค่าอุปกรณ์ อ้างส่วนต่างสิทธิครอบคลุม ชี้ เป็นอีกรูปแบบการร่วมจ่าย
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทรา ศูนย์ราชการฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวตอนหนึ่งในการเปิดการประชุมรับฟังความเห็นเพื่อพัฒนาปรับปรุงระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ว่า ระบบบัตรทอง มีส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง ปัจจุบันระบบมีความก้าวหน้ามาก เป็นต้นแบบของนานาอารยประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันที่จะสานต่อระบบดังกล่าว ดังนั้นไม่ต้องไปกังวลเรื่องการร่วมจ่าย ระบบนี้จะอยู่ต่อไปไม่มีการเปลี่ยนแปลง อะไรที่ประชาชนเคยได้รับต้องยังคงอยู่และมีแต่จะทำให้สิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมมากขึ้น อย่างเช่นที่มองไว้คือการดูแลรักษาโรคหายาก ส่วนคณะกรรมการที่เคยมีการตั้งขึ้นในรัฐบาลก่อนหน้า เพื่อศึกษาเรื่องการร่วมจ่ายนั้นจะต้องปรึกษาเลขาธิการคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ย้ำว่าในยุคที่ตนเป็นรมว.สาธารณสุขจะไม่มีการร่วมจ่าย
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สิ่งที่จะทำต่อจากนี้คือให้ประชาชนทุกช่วงวัยเข้าถึงระบบบริการที่มีคุณภาพ เท่าเทียม เพื่อเป็นการวางรากฐานที่แข็งแรง ประชาชนไม่ล้มละลายจากค่าใช้จ่ายทางสุขภาพ หากคนไทยพร้อมใจกันแข็งแรงก็จะสามารถทำงาน จ่ายภาษี และจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศแข็งแรง ซึ่งตนเชื่อว่าระบบสาธารณสุขเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นตนซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือครม.เศรษฐกิจ ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 16 ส.ค.เป็นครั้งแรก จะมีการพูดคุยเรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ ทางการแพทย์ ให้เน้นที่ผลิตในประเทศไทย เพราะที่ผ่านมามีการใช้จ่ายตรงนี้กว่า 2-3 แสนล้านบาท หากเงินนี้หมุนเวียนอยู่ในประเทศก็ไม่ถือเป็นการจ่ายโดยไม่เสียเปล่าแต่จะไปช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่ตอนนี้ต้องซ่อมอย่างหนักแต่ยังพอมีทางแก้ แค่เราใช้จ่ายให้เป็น และรับให้เป็นก็อยู่ได้
ด้าน นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผอ.มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ขอให้ขีดเส้นใต้สิ่งที่รมว.สาธารณสุขพูดว่าไม่มีการร่วมจ่าย ซึ่งโดยหลักการการร่วมจ่ายหลังป่วยต้องไม่เกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะมีการร่วมจ่ายก่อนป่วยด้วยการเสียภาษีทุกคน และขอให้รมว.สาธารณสุขไปล้วงลูกแก้ปัญหา รพ.ใช้ช่องว่างเรียกส่วนต่างค่าอุปกรณ์การแพทย์บางอย่างโดยระบุว่าไม่ครอบคลุม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการร่วมจ่ายที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นทุกวัน ส่วนเรื่องข้อกังวลงบฯ เหมาจ่ายรายหัวจะไม่พอนั้นเรียนว่าตอนที่เสนอของบนั้นยอดที่ขอได้มีการคำนวณค่าใช้จ่ายแล้วแต่ถูกหั่นลง ดังนั้นเพื่อให้เพียงพอก็ต้องไม่ตัดงบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกันนี้เครือข่ายผู้ป่วยได้เดินทางไปยื่นหนังสือข้อเสนอในการพัฒนาระบบบัตรทองต่อนายอนุทินด้วย