แฟนคลับหวงห้ามมีผัว..."บุ๋ม" ฟุ้งหนุ่มๆ เข้ามาจีบเยอะมาก

2019-08-14 17:20:08

แฟนคลับหวงห้ามมีผัว..."บุ๋ม" ฟุ้งหนุ่มๆ เข้ามาจีบเยอะมาก

Advertisement

กลับมาโสดและเนื้อหอมสุดๆ สำหรับพิธีกรสาว "บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ที่ช่วงนี้มีหนุ่มๆ มากหน้าหลายตาเข้ามาขายขนมจีบกันอย่างคึกคักโดยเจ้าตัวได้เกิดใจถึงเสน่ห์ในครั้งนี้ว่า

มีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบบ้างไหม ?
ก็มีหลังจากประกาศตัวเป็นโสด ก็มีเข้ามาบ้าง ข้อความก็มี ส่งของมาที่บ้านก็มี ที่บ้านก็อิ่มกันไป





ตอนนี้เนื้อหอมไหม ?
ก็ใช่ แต่ไม่ใช่มีหนุ่มๆ เข้ามาอย่างเดียว แต่ก็มีเข้ามาเรื่องของงานด้วย พอหนุ่มเข้ามา งานก็เข้ามาเหมือนเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าเราจะเลือกอะไร ว่าเราจะเลือกไปเจอหนุ่มหรือเลือกไปทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่บุ๋มจะเลือกไปทำงาน เป็นการพิสูจน์ตัวเรา



ล่าสุดมีหนุ่มตาน้ำข้าวมาจีบ ?
ตอนที่เราถามเพื่อนคนไทยไปว่า หาแฟนให้หน่อยสิ คือเราพูดอย่างนี้กับเพื่อนๆ ในไทยเพราะเราโสดมาสักพักหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ่คนไทยจะบอกกับบุ๋มว่า บุ๋มโอเวอร์โครีฟาย ใช้คำว่าคุณสมบัติเกินกับบุ๋ม คือบุ๋มก็ไม่เข้าใจว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอ ทำแบ๊วๆ เข้าใจโลกหรืออย่างไร ด้วยการที่เราจบด็อกเตอร์ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีหัวใจ เพียงแต่ว่าจะมีน้องๆ ที่เป็นแฟนคลับบอกว่า คุณแม่เป็นโสดเถอะสวยแล้ว อย่ามีผัวเลย แฟนคลับก็จะส่งข้อความแบบนี้มาเหมือนกัน อารมณ์ประมาณหวงเราพอสมควร ก็เลยกลายเป็นว่าถ้าหนุ่มไทยไม่กล้าที่จะจีบ ก็ต้องเป็นหนุ่มฝรั่งมั้ง ก็เลยมีฝรั่งเข้ามาจีบ



ตอนนี้เปิดใจให้หนุ่มตาน้ำข้าวมากกว่าหนุ่มไทย ?


ด้วยวัยขนาดนี้ เราเองคงไม่จำกัดว่าใช่หรือไม่ใช่ แต่ด้วยระยะห่างด้วยแหละ ใช่ว่าจู่ๆ เราจะคบใครหรือพูดคุยกับใครง่ายๆ แต่ส่วนใหญ่ก็จะคุยทั้งเรื่องงาน เรื่องชีวิตส่วนตัว บุ๋มก็บอกตามตรง แต่บางคนบุ๋มก็จะไม่ได้บอกว่าเป็นดารา บอกแค่ว่าเป็นอาจารย์มหาลัยเฉยๆ ก็เป็นคนที่เพื่อนแนะนำมาให้ ก็ยังลุ้นว่าถ้าวันหนึ่งเขารู้ความจริงเขาจะด่าบุ๋มไหม (หัวเราะ)

มีคนแอบไปเช็กโปรไฟล์เราไหม ?
มีบางคนไปเช็กที่กูเกิลแล้วมันก็ขึ้นมาเลยว่าเป็นมิสไทยแลนด์ อันนี้เราก็หลอกไม่ได้ หลอกไม่สำเร็จ ตอนนี้คุยเราก็คุยไปเรื่อยๆ แต่ถ้าวันไหนเราตัดสินใจคบใครจริงจัง ก็จะเป็นคนๆ เดียวที่เราจะดูแลเขาดีที่สุด





เรียกว่านอกจากงานจะเยอะแล้ว ยังคุยกับหนุ่มๆ เยอะอีกด้วย ?
มันเหมือนเป็นการพิสูจน์ว่าถ้างานเข้ามาเยอะ หนุ่มๆ เข้ามาเยอะด้วย บุ๋มจะเลือกอะไร ลักกี้อินเกม ลักกี้อินเลิฟ ส่วนจะลักกี้อินเลิฟจริงๆ หรือเปล่าขอเป็นรักแท้ดีกว่า หนุ่มไทยก็ยังไม่ทิ้ง เข้ามาคุยเราก็ยังคุยๆ อยู่ แต่จะให้เปิดตัวหรือจริงจังกับใครคงยัง เพราะตอนนนี้งานเข้ามาเพียบเลย เดี๋ยวมีเปิดโปรเจกต์อะไรอีกเยอะเลย

เคยมีเช็กดวงไหมว่าเนื้อคู่จะเป็นใคร ?
เช็กดวงเหรอ หมอดูมีที่ไหนบ้าง เรื่องนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เคยมีคนทักเหมือนกันว่าอย่างน้องเธอต้องมีตำหนิ หรือต้องเป็นหนุ่มต่างชาติ ซึ่งเราจะแอนตี้มาโดยตลอดว่าเราจะคุยรู้เรื่องหรือเปล่า อยู่คนละประเทศหรือเปล่า ตอนนี้ก็เริ่มเปิดใจจะไทยจะต่างชาติตอนนี้ก็ได้หมด ส่วนโปรไฟล์จะต้องสูงไหม ขอเป็นผู้ใหญ่มากพอ เดี๋ยวค่อยว่ากัน ถ้าเขาเป็นคนที่ใช่บอกแน่นอนแต่ตอนนี้ ยังไม่มีใครสักคน





ล่าสุดเห็นขายบิ๊กไบค์ไปแล้ว ?
นี่ขายไปสักพักแล้ว คือคุณพ่อเอาไปขาย เพราะว่าเราทำผิดสัญญากับเขา เราเอาไปซิ่งต่างจังหวัดและขี่ค่อนข้างเร็ว แล้วคุณพ่อจับได้ท่านก็เลยเอาไปขาย โดยที่เงินค่ามอเตอร์ไซค์อยู่ไหนเราก็ไม่รู้

เป็นเพราะข่าวที่ออกมาด้วยหรือเปล่า ?
ก็ด้วยแต่ครั้งนี้ไม่แอบซื้อใหม่ คือปกติถ้าจะขายก็ขายไปเราก็แอบซื้อใหม่ เพียงแต่ที่ไม่ได้ขี่เพราะเราเริ่มไปงานศพเพื่อน งานศพน้องๆ ทีละคน ในแต่ละปี และน้องๆ ในกลุ่มก็เริ่มหายไปทีละคนแล้วเราทำใจไม่ได้ เข้าไปกอดศพเขา กอดคอที่หมุนได้ของเขาแล้วเราก็จะเริ่มรับไม่ได้ เราเริ่มมือสั่นทุกครั้งที่จับแฮนด์ พอจับแฮนด์แล้วภาพน้องๆ มันลอยขึ้นมา เราก็เลยจะเอาจอดไว้เฉยๆ แบบนี้ คนที่ประสบอุบัติเหตุก็เป็นก๊วนมอเตอร์ไซค์ของเรานี่แหละ ทีนี้น้องเริ่มไป เวลาไปต่างจังหวัดกันมา ไปจนรอดแล้วมาตายกันหน้าบ้านก็มี หลังๆ ก็เลยไม่ค่อยขี่มอเตอร์ไซค์ หลังๆ ถ้ามีงานละครหรือโฆษณาที่ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ บุ๋มจะใช้สแตนด์อินทั้งหมด ไม่ขี่เอง เพราะมือมันสั่น คือถ้าจะกล้าคงต้องกลับไปเรียนใหม่ สร้างความมั่นใจกับตัวเองใหม่ ที่สนามใหม่ วันนี้เราคงไม่กล้าที่จะสตาร์ตรถแล้วขี่ออกไปเลย คงไม่ใช่อย่างนั้น เรียกว่ามันหลอนมากกว่าเพราะถ้าใครเคยเห็นภาพคนตายต่อหน้า และเราเป็นคนที่กำมือ กำแขนหรือคอเขาไว้แล้วจะหลอนจริงๆ ที่หลอนเพราะมันไม่ใช่แค่คนเดียว แต่มันกลายเป็น 3 คน 4 คน ซึ่งเป็นน้องในก๊วนแล้ว เราต้องไปงานศพเรื่อยๆ ต้องไปเป็นเจ้าภาพงานศพเรื่อยๆ มันเริ่มไม่ไหว เราเริ่มรู้สึกไม่เซฟ และอันดามันเขาก็โตขึ้นทุกวัน เขารู้ เขาต้องการเรา และเราเป็นอะไรไม่ได้



อยากฝากเตือนอะไรไหม ?
อยากจะบอกว่าการขี่บิ๊กไบค์ไม่ใช่เรื่องอันตรายถึงขั้นห้ามขี่ แต่ถ้าคุณจะขี่คุณต้องมีทักษะ เพราะรถที่มีพลังแรงขนาดนั้นคุณต้องควบคุมให้เป็น คุณต้องเรียนไม่ใช่สักแต่ว่าจะขี่ อย่างที่สองคือคุณต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่นให้ได้ด้วย ถ้าเกิดอุบัติเหตุไม่ใช่ตัวคุณคนเดียวที่บาดเจ็บ ถ้าเกิดนอนเป็นผักพ่อแม่ต้องรับผิดชอบอย่างไร หรือไปชนคนอื่นมาคุณรับผิดชอบไหวไหม ถ้าเป็นเด็กๆ เยาวชนบุ๋มไม่แนะนำให้ขี่บิ๊กไบค์เลย เพราะคุณรับผิดชอบคนอื่นไม่ได้ และถ้าจะขี่อย่าเน้นเท่ แต่ขอให้ระมัดระวัง อย่างไรก็เนื้อหุ้มเหล็ก บุ๋มยังยืนยันว่าอยากให้ประเทศไทยไล่เลียงใบขับขี่ คือถ้าเป็น 125 ซีซีก็จะเป็นใบขับขี่ทั่วไป ถ้าเป็น 600 ซีซีต้องขับขี่อย่างน้อย 2 เดือนก่อน เพื่อสร้างความคุ้นเคยหรืออัพเลเวลขึ้นมาเหมือนต่างประเทศที่เขาทำกัน