สาวป่วยซึมเศร้าเครียดหนัก! กระโดดทางด่วนเจ็บสาหัส

2019-08-13 11:20:24

สาวป่วยซึมเศร้าเครียดหนัก! กระโดดทางด่วนเจ็บสาหัส

Advertisement

สาวเครียดป่วยเป็นโรคซึมเศร้ากระโดดทางด่วนกาญจนาภิเษก ร่างตกกระแทกพื้นเจ็บสาหัส

เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ปัญญวัฒน์ คำศรี สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีหญิงกระโดดทางด่วนกาญจนาภิเษกตกลงมากระแทกพื้นด้านล่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณลานจอดรถหน้าสำนักงานด่านเก็บเงินช้างสามเศียร ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางเข้าตรวจสอบ

ที่บริเวณลานจอดรถหน้าสำนักงานด่านเก็บเงินช้างสามเศียร ซึ่งอยู่ใต้ทางด่วนกาญจนา ได้พบผู้บาดเจ็บเป็นหญิงทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.สราพร แสนอินทร์ อายุ 43 ปี สภาพนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น ขาทั้งสองข้างหักผิดรูปแต่ยังพอมีสติ เจ้าหน้าที่ได้เร่งให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรีบนำตัวส่งไปรักษาตัวที่ รพ.สำโรงการแพทย์




จากการสอบถามนายวิเชียร รมทับทิม พนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งอยู่ประจำด่านเก็บเงินที่เกิดเหตุ ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้พบเห็นหญิงคนดังกล่าวเดินไปเดินมาบริเวณบนทางด่วน อยู่ 2-3 รอบ ตนคิดว่าเป็นผู้ใช้บริการทางด่วนมาจอดรถและเดินแก้เมื่อย เนื่องจากปกติจะมีรถบรรทุกมาจอดอยู่บริเวณไหลทางใกล้กับด่านเก็บเงินอยู่เป็นประจำ จึงไม่ได้สนใจ กระทั่งตนลงมาต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินในสำนักงาน และได้ยินเสียงสุนัขเหาจึงได้ออกมาดู ได้พบหญิงคนดังกล่าวนอนฟุบอยู่ที่พื้นด้านล่าง จึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบให้การช่วยเหลือ

ด้านนายไพโรจน์ หินกล้า 34 ปี ชาวบ้านที่พักอยู่ในละแวกที่เกิดเหตุ ได้เล่าว่า ตนรู้จักกับผู้บาดเจ็บ ซึ่งมีอาชีพขายของ และบ้านพักของผู้บาดเจ็บอยู่ซอยภานุวงศ์ 2 ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุมากนัก ทั้งนี้ผู้บาดเจ็บมีโรคประจำตัวหลายโรค รวมทั้งโรคซึมเศร้าด้วย โดยมีประวัติการรักษาอยู่ที่ รพ.สำโรงการแพทย์ ล่าสุดก็เพิ่งออกมาจาก รพ. และเมื่อช่วงเย็นตนก็ยังเห็นผู้บาดเจ็บเดินวนไปมาอยู่ภายในซอยที่เกิดเหตุ จนกระทั่งมาพบอีกครั้งผู้บาดเจ็บขึ้นไปกระโดดลงมาจากทางด่วนจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว



เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้บาดเจ็บน่าจะคิดมากเนื่องจากมีโรคประจำตัวอยู่หลายโรค จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า และเกิดอาการเครียดจึงได้เดินขึ้นไปบนทางด่วนก่อนกระโดดลงมาหวังฆ่าตัวตายดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนญาติของผู้บาดเจ็บอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป