ผบ.ตร.แถลง 2 ผู้ต้องหาบึ้มป่วนกรุงพัวพันเหตุป่วนใต้ (คลิป)

2019-08-08 16:35:42

ผบ.ตร.แถลง 2 ผู้ต้องหาบึ้มป่วนกรุงพัวพันเหตุป่วนใต้ (คลิป)

Advertisement

ผบ.ตร.แถลงเหตุระเบิดหลายจุดใน กทม. 2 ผู้ต้องหาที่จับกุมได้เป็นระดับปฏิบัติการ เคยมีประวัติก่อเหตุโจมตีฐานปฏิบัติการนาวิกโยธิน จ.นราธิวาส ระบุใช้ระเบิดแสวงเครื่องก่อเหตุ บางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เผยผู้ต้องหาบางส่วนเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. แถลงความคืบหน้าคดีระเบิดหลายจุดในพื้นที่ กทม.ว่า หลังเกิดเหตุไม่ถึง 10 ชม. สามารถจับผู้ต้องหาได้ 2 คน คือ นายลูไอ แซแง อายุ 22 ปี ทำหน้าที่วางระเบิด และนายวิลดัน มาหะ อายุ 29 ปี ทำหน้าที่ดูต้นทางและคุ้มกัน โดยจับได้ที่ จ.ชุมพร เบื้องต้น ถูกแจ้งข้อหา อั้งยี่ซ่องโจร มีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครอง และพยายามฆ่า จากการสอบสวนทั้ง 2 คน เบื้องต้นให้การที่เป็นประโยชน์ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยระบุได้เพียงว่า อยู่ในระดับปฏิบัติการ และมีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี จากการเตรียมชุดมาเปลี่ยนถึง 5 ชุดหลังก่อเหตุ พบเคยมีประวัติเคยร่วมก่อเหตุโจมตีฐานนาวิกโยธิน ที่ จ.นราธิวาส เมื่อปี 2556 ส่วนประเด็นการจัดหาและจุดประกอบระเบิด มีความเป็นไปได้ทั้งการนำมาจากพื้นที่ภาคใต้ หรือมาจัดหาในพื้นที่ก กทม. โดยยังไม่สารภาพถึงผลตอบแทนที่ได้รับ


ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า เหตุระเบิดที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ร้อยละ 80-90 เป็นระเบิดทางการเมือง แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ พบว่า มีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน จึงยากที่จะทราบถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงว่า กลุ่มใดอยู่เบื้องหลัง แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว การก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่เคยมีกลุ่มไหนออกมายอมรับ หรือประกาศว่า เป็นผู้ลงมือ

ด้าน พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ตั้งแต่การพบระเบิดด้านหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 ลูก ช่วงบ่ายวันที่ 1 ส.ค.จนช่วงเช้าวันที่ 2 ส.ค. เกิดเหตุระเบิดที่ทางเข้า-ออกศูนย์ราชการอาคาร B 2 ครั้ง ,หน้ากองบัญชาการกองทัพไทย 1 ครั้ง, หน้าอาคารมหานคร 2 ครั้ง,หน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 1 ครั้ง ซึ่งจากพยานหลักฐานที่ตรวจเก็บได้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง มีลักษณะการประกอบระเบิดลักษณะเดียวกัน ส่วนเหตุเพลิงไหม้ที่ร้านค้าย่านประตูน้ำ 4 จุด และร้านค้าย่านสยาม ปทุมวัน อีกจำนวนหนึ่ง เป็นระเบิดแสวงเครื่องเพลิง ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนเหตุทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกัน เชื่อว่า ขบวนการที่ก่อเหตุนี้ สามารถแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มคนกำหนดยุทธศาสตร์ กลุ่มคนวางแผน สั่งการ กำหนดขั้นตอน วิธีการปฏิบัติ การสรรหาคน กลุ่มคนช่วยเหลือสนับสนุน ทั้งก่อน ขณะ หลังเกิดเหตุ และกลุ่มผู้ลงมือปฏิบัติ


พล.ต.ท.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า การสืบสวนต้องครอบคลุมไปทุกกลุ่ม โดยเจ้าหน้าที่มีการพูดคุยซักถามนับ 100 คน และมีการควบคุมตัวได้จำนวนหนึ่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่เบื้องต้นที่จับได้ 2 คน เป็นกลุ่มผู้ปฏิบัติ จากที่สืบทราบว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่า 15 คน ยอมรับบางคน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนแรงจูงใจ ยังเปิดเผยไม่ได้ เพียงรับฟังจากมุมมองของระดับปฏิบัติเท่านั้น แต่อาจไม่เข้าถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของคนกำหนดยุทธศาสตร์ ยืนยันได้ว่า ตำรวจมีพยานหลักฐาน หลายอย่างประกอบ ยืนยันตัวผู้กระทำผิด ขณะเดียวกัน มีผู้ต้องหาบางส่วนเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ซึ่งจะต้องประสานหน่วยที่เกี่ยวข้อง สืบสวนสอบสวนต่อไป