โฆษกรัฐบาลออกโรงยันโครงการอีอีซี ส่งผลทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 8/2562 โดยจะได้มีการพิจารณาวาระสำคัญ คือ ร่างแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และ ร่างแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค โดยมีแนวทางสำคัญ คือ พื้นที่เกษตรชั้นดีและป่าอนุรักษ์ไว้ทั้งหมด และ จัดสรรพื้นทีที่ไม่เหมาะสม ให้สามารถนำกลับมาใช้เป็นพื้นที่ทำประโยชน์ ให้มีความเหมาะสมตามศักยภาพและบทบาทของพื้นที่ ในส่วนร่างแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภค จะได้มีการพิจารณาแผนงานครอบคลุมทั้งระบบสาธารณูปโภค เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการควบคุมมลภาวะและการขจัดมลภาวะ เพื่อไม่ส่งผลต่อชุมชนใกล้เคียง
นางนฤมล กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการอีอีซี ( Eastern Economic Corridor) จนถึง มิ.ย. 2562 มีส่วนสำคัญช่วยยกระดับอัตราการขยายตัวการลงทุนภาคเอกชน เป็นผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปรับตัวเป็นบวก 3 ปี ติดต่อกัน ( 2559 GDP 3.3% / 2560 GDP 3.9 % / 2561 GDP 4.2%) ทั้งยังได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศเกินกว่าเป้าหมายการลงทุนที่กำหนด ปีละ 100,000 ล้านบาท โดยในปี 2559 มูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุน 199,327 เพิ่มเป็น 310,337 ล้านบาท ในปี 2560และในปี 2561 การขอรับการลงทุน 683,910 ล้านบาท ทำให้การจัดสำดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศดีขึ้นใน 3 ด้าน คือ ภาวะเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพของรัฐ และ โครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ อีอีซีจะยังคงเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ด้วยแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อการเติบโตของไทยที่ก้าวไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางเทคโนโลยีและโลก เพื่อไทยหลุดพ้นจากกักดับรายได้ปานกลางตามที่พล.อ.ประยุทธ์ได้กำหนดเป้าหมายไว้