"จุรินทร์" เป็นประธานประชุมรัฐมนตรีการค้าอาเซียนพร้อมประชุมทวิภาคีอาเซียนกับคู่เจรจา จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย นิวซีแลนด์ ดันเจรจาให้จบสิ้นปีนี้ตามเป้า
เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ประเทศจีน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้เดินหน้าหาหรือแบบทวิภาคีต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ตั้งแต่ประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จากนั้นเดินหน้าเจรจาแบบทวิภาคีกับประเทศอินเดีย ประเทศนิวซีแลนด์ และออสเตรเลียโดยทั้งหมดนั้นรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ขอให้ทุกประเทศร่วมสนับสนุนข้อเสนอในการผลักดันเป้าหมายการเจรจาให้บรรลุความสำเร็จภายในสิ้นปีนี้
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ระหว่าง 2-3 ส.ค. ถือว่าเป็นวันที่มีความสำคัญอย่างยิ่งครั้งหนึ่งของอนาคตของ กลุ่ม 16 ประเทศ RCEP หรือ การเปิดประชุมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) เราได้มีการประชุมระดับมนตรีการค้าของอาเซียนและสมาชิกผู้ร่วมเจรจาอีก 6 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย
สำหรับวันนี้ที่เป็นวันแรกนั้นได้มีการหารือร่วมกันในระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน 10 ประเทศซึ่งได้ทำหน้าที่เป็นประธานและมีข้อสรุปมาที่ชัดเจน คือ เป้าหมายที่ต้องการเห็นการเจรจานั้นจบสิ้นได้ภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตามอาเซียนก็ยังได้มีการหาหรือระดับทวิภาคีระหว่างอาเซียนกับอีก 6 ประเทศจับคู่กันทีละคู่ เช่น อาเซียนกับจีนอาเซียนกับแต่ละประเทศ ซึ่งก็มีความคืบหน้าเป็นอย่างดีทำให้เราเห็นว่ามีโอกาสที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ตามเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งนี่ก็คือเรื่องดีสำหรับประเทศไทย ถ้าหากเจรจานี้จบเท่ากับประโยชน์ที่จะได้รับก็ไม่เฉพาะประเทศไทยแต่สมาชิกทั้ง 16 ประเทศก็จะได้รับประโยชน์ร่วมกันด้วย ทั้งในเรื่องที่จะสามารถทำการค้าร่วมกัน เปิดตลาดสินค้าบริการต่างๆ สามารถค้าขายร่วมกันได้ด้วยสิทธิพิเศษที่เป็นข้อตกลง กรณีความคืบหน้านี้ทำให้เราเห็นว่าอาร์เซ็ปมีโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงได้ตามเงื่อนเวลา เวลาที่กำหนดไว้
ซึ่งนั่นหมายความว่าจะทำให้แต่ละประเทศมีตลาดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเกิดขึ้นภายใต้ข้อตกลงพิเศษ ของอาร์เซ็ป เพราะกลุ่มประเทศนี้มีประชากรรวมกันถึง 3,500 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 50 ของประชากรโลกและเศรษฐกิจร่วมกันร้อยละ 30 ของเศรษฐกิจโลก (มูลค่าการค้าโลก )
"ถือว่าเป็นประโยชน์กับสมาชิกทั้งหมด ตรงนี้จึงเป็นที่มาว่าทำไมต้องพยายามร่วมมือกันเพื่อให้การเจรจาบรรลุผลตามเป้าหมายก็คืออยากจะให้จบภายในก่อนสิ้นปีนี้ถ้าเป็นไปตามนั้นก็จะสามารถลงนามได้กลางปีหน้า" นายจุรินทร์ กล่าว