ทางการลาวส่งตัว "สิงห์แก้ว" นักธุรกิจไทยถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่กลับถึงไทยแล้ว ด้านเจ้าตัวกล่าวขอบคุณทุกฝ่ายให้ความช่วยเหลือ ส่วนเรื่องคดีให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ
วันที่ 1 ส.ค. ที่จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 อ. เชียงของ จ.เชียงราย ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสธร รอง ผวจ.เชียงราย นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน นายทัศนัย สุธาพจน์ นายอำเภอเชียงของ พ.ต.อ.ชาญชัย เชาวน์เกษม รอง ผบก.ตรวจคนเข้าเมือง 5 น.อ.วุฒิชัย ภู่เจริญ ผบ.นรข.เขตเชียงราย พ.อ.สุดเขตต์ ศรีนิลทิน ผบก.กรมทหารพรานที่31 พ.ต.อ.สันติ กองสมัคร รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.รังสิมันต์ สงเคราะห์ธรรม ผกก.ช่วยราชการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.อ.ณสันต์ ศรีสองเมือง ผกก.สภ.เชียงแสน พ.ต.อ.สมเกียรติ ตันติกนกพร ผกก.12 กองบังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.ท.มนตรี ภูมิสะอาด รองผกก.ฯปฎิบัติราชการศูนย์ปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในแม่น้ำโขง(ส่วนหน้า)ร.ต.อ.เสถียร ธรรมสอน รรท.ผู้บังคับกองร้อย ตชด.ที่ 327 พร้อมส่วนที่เกี่ยวข้องเดินทางไปรับตัวนายสิงห์แก้ว วงค์ใหญ่ อายุ 54 ปี นักธุรกิจประธานสมาคมสัตว์ส่งออกเชียงแสน และมีอาชีพส่งออกสัตว์ประเภท หมู โค กระบือ น้ำตาลทราย ต้นไม้ใหญ่ ไปขายยังต่างประเทศผ่านทางแม่น้ำโขง ได้เดินทางออกจากจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อไปติดต่อธุรกิจที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว แล้วถูกคนร้ายไม่ทราบฝ่ายจับตัวไปเรียกค่าไถ่จำนวน 5,000,000บาท โดยติดต่อผ่านมาทาง น.ส.รสริน วงค์ใหญ่ ลูกสาว หลังจากนั้นได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สภ.เชียงแสน ฝ่ายปกครองอำเภอเชียงแสน จนมีการประสานทุกฝ่าย และทำการติดต่อประสานงานไปยังทางการ สปป.ลาว ให้ช่วยเหลือออกติดตามหาตัวจนพบแล้วนั้น
กระทั่งเมื่อเย็นวันที่ 31 ก.ค. นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน(ตม.เชียงแสน) และตำรวจ สภ.เชียงแสน เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว ประกอบไปด้วย พ.ท.หงแก้ว วันนะสา หัวหน้าห้องการป้องกันความสงบ แขวงบ่อแก้ว พ.ต.ท.จันพอนเพ็ด คำสี รองหัวหน้ากองบัญชาการป้องกันความสงบ แขวงบ่อแก้ว พ.ต.ท.พงพัด แดนทะนา ผกก. เมืองต้นผึ้ง นายคำจัน วันนะวงศ์ หัวหน้าห้องการเมืองต้นผึ้ง พ.ต.ท.บุนที ยศทะวง ผู้ประสานงานชายแดน ไทย-ลาว ที่กองบัญชาการป้องกันรักษาความสงบแขวงบ่อแก้ว เพื่อประสานงานติดตามการส่งมอบตัวนายสิงห์แก้ว ที่ทาง สปป.ลาว ดูแลและช่วยเหลือไว้ โดยกำหนดส่งมอบตัวในวันนี้ 1 ส.ค.ที่ด่าน ตม.แขวงบ่อแก้ว สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เชียงของ-บ่อแก้ว
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว แจ้งว่าจากการสอบสวนนายสิงห์แก้ว ให้การว่ามูลเหตุจูงใจในการลักพาตัวในครั้งนี้น่าจะมาจากการติดหนี้เรื่องการซื้อขายน้ำตาลประมาณ 7 ล้านบาท กับคนจีนเชื้อสายไทยลื้อ ที่เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา นอกจากนี้จากการได้พบกับนายสิงห์แก้ว พบว่า ปลอดภัยดี สุขภาพจิตดี ทางเจ้าแขวงบ่อแก้วได้มาเยี่ยมและให้กำลังใจ และทางเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว ได้อำนวยสะดวกทุกอย่าง
เมื่อถึงเวลานายณรงค์ ได้นำคณะประสานงานชายแดน เดินทางไปยังสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่4 (ห้วยทราย) รวมถึงภรรยาและบุตรของนายสิงห์แก้ว เพื่อขอรับตัวนายสิงห์แก้ว กลับมายังไทย โดยทางท่านบัวคง นามมะวง เจ้าแขวงบ่อแก้ว ให้เจ้าหน้าที่ทางการลาวนำโดยรองหัวหน้ากองบัญชาการตำรวจแขวงบ่อแก้ว นำคณะประสานงานชายแดน สปป.ลาว ร่วมต้อนรับและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หลังจากนั้นจึงนำตัวนายสิงห์แก้วผ่านพิธีการตรวจคนออกเมืองจาก สปป.ลาว คณะประสานงานงานชายแดน สปป.ลาว ได้มอบตัวนายสิงห์แก้ว ให้กับคณะประสานงานชายแดนไทย นำตัวนั่งรถตู้ของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ โดยมีพยาบาลคอยดูแลมาอย่างใกล้ชิดกลับมาพร้อมกับคณะและเมื่อถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทยนายสิงห์แก้วถูกนำตัวนั่งรถเข็นสำหรับคนป่วยเข้ามาทำพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ของด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงของ เมื่อผ่านออกมาพบเจอกับญาติๆต่างพากันโผเข้ากอดนายสิงห์แก้วพร้อมกันร่ำให้ด้วยความดีใจ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวขึ้นรถพยาบาลส่งตรวจที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ เพื่อให้การตรวจรักษาและรอฟังคำวินิจฉัยอาการป่วยจากแพทย์อีกครั้ง
ทั้งนี้ นายสิงห์แก้ว ซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้มด้วยความดีใจที่ได้กลับมาบ้านกล่าวว่าสั้นๆว่า ดีใจที่ได้กลับมาและขอบคุณทุกๆฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือ ตอนนี้ขอไปรักษาตัวจากอาการป่วยที่เพิ่งหายจากเส้นเลือดสมองตีบก่อน ส่วนคนที่มาลักพาตนไปนั้นไม่ทราบว่าเป็นใคร ไม่เคยรู้จักรู้แต่เพียงว่าเป็นคนจีน และไม่รู้ว่าอุ้มไปเพราะสาเหตุเรื่องใด เพราะคนร้ายไม่ได้บอก แจ้งเพียงแต่ต้องการเงินเท่านั้นเรื่องอื่นๆขอให้ทางเจ้าหน้าที่เป็นคนดำเนินการ