“ทนายเกรียงศักดิ์” พา "ตั้ม โอนนาน" ร้องกองบังคับการปราบปรามอีกรอบ กรณีแก๊งนางเอกเอ็มวีทวงเงิน 2 ล้านช่วยเคลียร์คดียาเสพติด
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่กองปราบปราม(บก.ป.) นายรัฐนันท์ ธนทรัพย์ปรีชา หรือ “ตั้ม โอนนาน” อายุ 35 ปี อาชีพรับเหมาออกแบบจัดสวน พร้อมด้วย นางพิมพชบา ศรีมูล อายุ 58 ปี แม่ผู้เสียหาย และ ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ เข้าพบ พ.ต.ท.ดุสิต ลาวัลย์ สว. (สอบสวน) กก.4 บก.ป.เพื่อมอบหลักฐานแจ้งความเพิ่มเติมเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกลุ่มมิจฉาชีพที่ขู่ฆ่า หากไม่นำเงินมาชำระ 2 ล้านบาท เบื้องต้นจึงแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง กรรโชกทรัพย์
ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้เตรียมแจ้งความเพิ่มเติมกับกลุ่มมิจฉาชีพอีก 5 คน เป็นชาย 3 คน และหญิง 2 คน รวมของเดิมทั้งหมด 7 คน ในความผิดฐานร่วมกันข่มขู่กรรโชกทรัพย์ ซึ่งได้นำหลักฐานคลิปเสียงและภาพถ่ายของ 2 คนร้ายลักษณะเป็นชายแต่งกายเหมือนแก๊งทวงหนี้นอกระบบ มาข่มขู่เอาเงินถึงบ้านผู้เสียหาย
นายรัฐนันท์ กล่าวว่า ตอนนี้ทราบว่ากลุ่มคนร้ายกระทำกันเป็นขบวนการหลอกลวงผ่านเฟซบุ๊กและไลน์ แบ่งหน้าที่โดยมีขิม เป็นตัวการหลักเนื่องจากขิมมีข้อมูลการติดต่อกับครอบครัวของตั้มเพียงคนเดียว และจะมีเพื่อนขิมอีก 3 ราย คอยเกลี้ยกล่อมตน เวลาทะเลาะกับขิม คนหนึ่งชื่อ จอย อ้างตัวเป็นครู ระดับ ดร. มักมีท่าทีแสดงความมีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่ อีกคนชื่อหญิง ทำทีเป็นคนเฮฮา และสุดท้ายชื่อ ปอปอ อ้างตัวเป็นลูกน้องของนักการเมืองคนหนึ่งในภาคตะวันออก ที่ขอเงินจำนวน 2 ล้านบาท ไปช่วยเคลียร์คดีที่ตนถูกอ้างว่าไปเกี่ยวข้องกับผู้หญิงอีกรายที่เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด
นายรัฐนันท์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีผู้ชายอีก 2 คนในขบวนการที่จะคอยส่งข้อความมาด่าทอตนทางเฟซบุ๊ก โดยบอกว่าเป็นแฟนขิมห้ามตนมายุ่งอีก ซึ่งภายหลังจากที่แจ้งความที่ บก. ปอท. เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางกลุ่มคนร้ายได้พากันปิดเฟซบุ๊กและเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ไลน์ ทั้งยังมีบุคคลไม่ทราบตัวตนโทรศัพท์มาหาทนายเพื่อขอพบเจอตนกับทนายและจะคืนเงินให้ทั้งหมด ส่วนประเด็นที่ปอปออ้างว่าตนไปเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดนั้นไม่จริง เพราะตนสามารถหาเงินได้เอง ไม่ต้องไปขอใคร อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้ก่อเหตุ เพราะไม่เคยมีศัตรู และต่อจากนี้จะให้ตำรวจตรวจสอบต่อไปว่าขิม ที่ตนคุยกับขิมที่เป็นนางเอกเอ็มวีนั้นเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้ในเวลา 14.00 น. จะเดินทางไปแจ้งความต่อที่ กองบังคับการปรามปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)ต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.ดุสิต ได้รับเรื่องดังกล่าวเอาไว้ และสอบปากคำผู้ร้องทุกข์อย่างละเอียด พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการตามกฎหมายต่อไป