เปิดใจ “กิตติศักดิ์” ยืนยันไม่ขอโทษด่า ส.ส.ขี้ข้าโจร ปัดเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ เผยลุกขึ้นท้าเดี่ยวในสภาฯ เพราะเป็นเหตุเฉพาะหน้า ทนไม่ได้ถูกด่าเลียรองเท้าทหาร อดกลั้นถึงที่สุดแล้ว
จากกรณีการปะทะคารมกลางที่ประชุมรัฐสภาระหว่าง นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กับ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ต่างฝ่ายต่างด่าทอกันว่า “ขี้ข้าโจร” และ “เลียรองเท้าทหาร” ขณะมีการอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมานั้น
นายกิตติศักดิ์ เปิดใจกับทีมข่าว NEW 18 ว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยใจจริงตนเองไม่ได้ซีเรียสอะไร มองว่าเป็นแค่สีสัน ไม่ได้โกรธเคืองเป็นส่วนตัว ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี แต่ในวันดังกล่าวเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า ที่เห็นว่านายยุทธพงศ์อภิปรายแบบก้าวร้าว อาละวาดไปทั่วทุกคน ดูถูกดูแคลนกราดไปหมด ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ ส.ส.หรือ ส.ว. และไม่มีความเคารพประธานรัฐสภาในวันนั้น ในฐานะเป็น 1 ในผู้ที่เข้าร่วมประชุม จึงประท้วงตามข้อบังคับอย่างถูกต้อง โดยการตอบโต้ไปว่า “ส.ส.ขี้ข้าโจร” ตนก็รู้แล้วว่าจะต้องมีการประท้วงกลับมา เมื่อนายยุทธพงศ์ชี้มือมาที่ตน บอกว่าเขามาจากเลือกตั้ง ไม่เหมือนพวกตนที่เลียรองเท้าทหารมา ตนจึงมองว่าถ้าเป็นอย่างนี้ มันก็ไม่จบ จึงเดินออกไปถามว่า อย่างนี้มาเจอกันตัวต่อตัวไหม เพราะเสียเวลาประชุมในสภา ส่วนคำว่า ส.ส.ขี้ข้าโจร ตนไม่รู้ว่าโดนใจใครหรือไม่ แต่การที่มาบอกว่า ส.ว.เลียรองเท้าทหารมา เหตุใดจึงไม่นึกถึงบ้างว่า ส.ว. บางท่านมีคุณวุฒิ วัยวุฒิ เป็นผู้มีความรู้ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ และพยายามอดกลั้น ไม่ต่อปากต่อคำ
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกระแสหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องบอกว่าตนมีแฟนคลับพอสมควร เป็นหลักแสน เพราะตนเป็นตัวแทนชาวนา ซึ่งกระแสที่ออกมา ก็มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ฝ่ายที่เชียร์ก็บอกว่าสะใจ ทำถูกต้องแล้ว บางท่านถึงขนาดบอกว่าน้อยไปด้วยซ้ำ น่าจะพูดมากกว่านี้ให้ชัดๆไปเลย ส่วนฝ่ายที่มองว่าไม่เหมาะสม ก็แล้วแต่พิจารณา เป็นดุลพินิจของแต่ละท่าน แต่ตนยืนยันว่าตนเป็นผู้ใหญ่พอ พิจารณาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ที่ผ่านมาเป็น สนช.มา 5 ปี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยหรือก้าวร้าวในสภา ตนมองว่าเป็นเรื่องของบทบาทในสภามากกว่าในการที่จะปะทะกัน อย่างไรก็ตามเสียงในโลกโซเชียล ก็ตัดสินมาแล้วว่าตนชนะขาดลอย
ส่วนจะมีการขอโทษกันหลังจากนี้หรือไม่นั้น นายกิตติศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่เคยติดใจอะไร ตนไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าจะให้ไปขอโทษคงไม่ได้ ส่วนตัวมองว่านายยุทธพงศ์ควรเป็นฝ่ายต้องมาขอโทษตนมากกว่า เพราะเขาเป็นรุ่นน้อง เป็นเด็กกว่า และเขาว่ามาตลอดหลายครั้ง แต่ยังไม่สำนึกเลย อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็ถือว่าจบแล้ว ก็กลับมาทำหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนเพื่อประเทศชาติต่อไป ส่วนหากเจอกันสามารถทักทายได้ จบแล้วก็ถือว่าจบ
ส่วนกรณีที่มีการขุดคุ้ยคลิปเหตุการณ์ที่วัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน นายกิตติศักดิ์ กล่าวมองว่าเป็นเรื่องของการร้อนตัวของคนที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ เพื่อนำคลิปมาบิดเบือนโดยใช้จังหวะจากเหตุการณ์ในสภาตอนนี้มาปล่อยคลิป ซึ่งภาพในคลิปเป็นแค่เป้าหลอก และเป็นเพียงเหตุการณ์ช่วงหนึ่งขณะที่ตนชี้มือให้ตำรวจค้นอาวุธกลุ่มวัยรุ่น เนื่องจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า รักษาการเจ้าอาวาส นำวัยรุ่นเข้ามาพร้อมอาวุธ มาทำร้ายชาวบ้าน ที่มีเรื่องกันมาก่อนแล้ว แต่สุดท้ายตำรวจไม่ได้มีการตรวจค้น ยืนยันว่าในข้อเท็จจริงทั้งหมดของเหตุการณ์ คือ ตนได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการจากการประชุมคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องที่ยว ของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีหนังสือคำสั่งแต่งตั้งอย่างถูกต้อง ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังมีชาวบ้านไปร้องเรียนที่สภา ขอให้เข้าไปตรวจสอบและคุ้มครองทรัพย์สินของวัดบางคลาน จ.พิจิตร ส่วนจะมีการประสาน ประธานรัฐสภาให้ส่งตัวตน ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ยืนยันว่าตนไม่ได้รู้สึกตกใจหรือกังวล สามารถทำได้ และตนก็สามารถชี้แจงได้เช่นกัน โดยเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ที่ศาลหมดแล้ว ข้อเท็จจริงต่างๆได้ไปแถลงต่อศาลหมดแล้ว เบื้องต้นทราบว่าศาลนัดฟังคำตัดสิน 7 ส.ค.นี้
นายกิตติศักดิ์ กล่าวด้วย่า ขณะนี้ตนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเปิดโปงและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการทุจริตผลประโยชน์ในวัดหลายร้อยล้านบาท รวมทั้งอยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าจะดำเนินการฟ้องกลับ ในกรณีที่คู่กรณีฟ้องเท็จจากคลิปดังกล่าวด้วย