ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องงานและเรื่องคู่ชีวิตสุดๆสำหรับพิธีกรชื่อดัง "วู้ดดี้ มิลินทจินดา" งานนี้พอได้เจอเจ้าตัวเลยสอบถามถึงคลิปที่แฟนหนุ่มคอยเตือนสติเรื่องอาหารการกินเรื่องการทานอาหารให้หมดจะได้ไม่เปลืองทรัพยากรธรรมชาติ โดยหนุ่มวู้ดดี้ได้เผยว่า
"คือเป็นคนที่กินอะไรแล้วไม่ค่อยมีสติ ที่ว่าเหลือ มันเหลือก็จะเก็บใส่ตู้เย็นแล้วค่อยไปเวฟ แต่เผอิญว่ามันเป็นซีนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก จนทีมงานผู้ช่วยอยากเก็บไว้เป็นภาพที่ทุกคนไม่ค่อยเห็น โอ๊ตจะตักเตือนและสั่งสอนวู้ดดี้ในการกิน เขาจะบอกว่าเป็ดมีโปรตีน กว่ามันจะมาวันนี้ มันผ่านอะไรเยอะมาก เราทำลายโลกในการใช้ปุ๋ย แต่กว่าจะมาถึงจานเรากระบวนการมันเยอะมาก จะต้องใช้พลังงานคาร์บอน เขาก็เทศน์ๆ จนเรารู้สึกว่าโอเคเรากินให้หมดจานก็ได้ จึงเป็นที่มาของคลิป ซึ่งจริงๆ แล้วเขาทำตลอด เวลาวู้ดดี้กินเหลือ เราก็ตั้งใจฟังเขา นึกถึงโลกขึ้นมา แล้วก็กินให้หมดจาน"
คือเวลาเรากินอาหารเหลือ เราใส่ตู้เย็นไว้ตลอดเลยใช่ไหม ?
ผมไม่ทิ้งนะ สมัยก่อนคิดว่าไม่เห็นต้องกินให้หมด เพราะถ้ากินหมดร่างฉันจะพัง ก็ทิ้งเลย แต่เดี๋ยวนี้ถ้ากินไม่หมดก็อย่าซื้อเยอะ ซื้อพอประมาณ เดี๋ยวนี้เวลาไปร้านอาหารจะไม่เหมือนสมัยก่อน คือสั่งมาเต็มโต๊ะ ทุกวันนี้กระเพาะเรารับได้แค่นี้พอ ปัญหาของโรคอ้วนคือกินเยอะ รู้สึกเสียดาย
เราเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การกินไปเลยไหม ?
เปลี่ยนแล้วครับ เมื่อก่อนจะซื้ออาหารหมดอายุ หมายถึงไปตามซูเปอร์มาเก็ต ถ้ามีฉลากหมดอายุเมื่อไหร่แปลว่าของเหล่านี้มีสารกันบูด
ตอนนี้เราจำแล้วใช่ไหมหลังจากโดนโอ๊ตเทศน์ไปเยอะ ?
ฝังใจเลยครับ รู้ว่าไม่มีอะไรทำให้เราจุกๆ กับการที่มีแฟนยืนเทศน์ข้างๆ
โดนแฟนเทศน์บ่อยไหม ?
บ่อยมาก ส่วนมากจะเป็นเรื่องความรีบของผม สมมติเวลาผมจะออกจากบ้านผมจะออกเร็วมาก แต่เขาจะรู้สึกว่าต้องมีพิธีการ ต้องค่อยเป็นค่อยไป จะไปไหนต้องเรียกกันด้วย ผมจะโดนเทศน์มากสุดตอนผมเดินเร็ว เราเป็นคนฟิตไงเวลามาห้าง ผมจะเดินเร็ว เขาก็จะยืนให้เราเดินกลับไป เขาบอกรีบเดินทำไม ข้างหน้ามีควายเหรอ ผมก็คิดว่าเขาเป็นส่วนสำคัญ เพราะถ้าไม่มีเขาชีวิตจะเร่งรีบมาก เขาคือเบรก
คือเขาไม่ได้ดุ แค่มาเบรกเรา ?
เขาจะพูดจายิ้มๆ แต่สมัยก่อนจะเยอะกว่านี้ แต่เราปรับปรุงตัว สมัยก่อนเถียงตลอด แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกทำอย่างนั้นมันก็เครียด ในเมื่อเรารีบมาตลอดชีวิต เขามาเป็นคู่ชีวิตเรา ก็ต้องหัดช้าลง เขาคือสติของเรา
ความรักดูลงตัว ?
มันลงตัวกว่าสมัยก่อน พอมีชีวิตคู่ รู้สึกว่ามีชีวิตคู่มันจะดีเหรอ มันจะไม่เป็นตัวของตัวเองไหม ช่วงแรกมันจะรู้สึกว่าไม่เหมือนกันเลย แต่พอเรายอมรับในความต่างของกันและกันแล้ว เราก็จะเห็นว่าเขาก็มีดี เราก็มีดี เราไม่ต้องเปลี่ยนเป็นเขา เขาไม่ต้องเปลี่ยนเป็นเรา และเราต้องให้เกียรติความต่างกันและกัน ถ้าเราไม่ให้เกียรติความต่างปุ๊บพังเลย
ถามถึงเรื่องสุขภาพของเราเหมือนมีปัญหา ?
ไม่อยากใช้คำว่าโรคเนอะ แต่มันเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ผมเป็นคนผิวแห้งมาก เพราะดื่มน้ำน้อยมาก เพราะเรารู้ตัวว่าทำไมคันง่ายและก็แห้ง มาค้นพบว่าเราดื่มน้ำน้อยมาก พอมานั่งจดมือถือว่าเราดื่มน้ำปรากฏว่าดื่มน้อยจริงๆ มาสังเกตว่าดื่มตอนกินข้าว ออกกำลังกาย ถึงจะดื่ม หมอก็บอกไม่ได้นะ ทุกๆ 10-15 นาทีต้องดื่มตลอด เติมทีเป็นร้อยลิตรครับ เราก็เลยต้องพกน้ำติดต่อเติมไว้ตลอด
อาการยังไง ถึงได้ไปพบแพทย์ ?
ผมเนี่ยเป็นคนผิวแห้งมาก ขาแห้งมาก มันแห้งจนขึ้นขุย เราพยายามใช้ครีมทุกรูปแบบ แต่สุดท้ายมันคือสิ่งที่เราพยายามยัดใส่ร่างกาย เช่นน้ำครับ
S20 กำลังจะไปประเทศที่ 3 แล้ว ?
ใช่ครับ ตื่นเต้นมาก 5 ปีที่แล้วเราฝันว่าจะโกอินเตอร์ แต่นึกภาพไม่ออกว่าจะโกอินเตอร์ยังไง เพียงแต่จะมีชาวต่างชาติมาเมืองไทยมาเอ็นจอยกับเรา ก็ไปเปิดที่ไต้หวันแล้ว หลังจากที่เปิดที่ญี่ปุ่นมาเป็นปีที่สอง จัดใหญ่มาก ริมทะเลที่โตเกียว ก็เป็นครั้งแรกที่จัดบนทราย
คนมาเยอะไหม ?
คนมาเป็นหมื่นเลยครับ แค่ไต้หวันตกแล้ววันละหมื่น ที่ญี่ปุ่นก็เหมือนกันตัวเลขเหยียดหมื่น ที่ไต้หวันเหมือนเขายกงาน S2O ในเมืองไทยมาวางไว้ที่ไทเป บรรยากาศเหมือนกันเป๊ะ แต่ของเขามันกว่าผมยังงง ผมว่าวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน เขาใส่บิกินีกันหมด คนไทยไม่ได้ เราคิดว่าไต้หวันกับญี่ปุ่นเป็น S2O ที่เซ็กซี่มากๆ และเราคิดว่าเขาปาร์ตี้และไปเที่ยวกันมีสติทุกคน เป็นตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นว่าการไปเที่ยวในงานอีเวนต์แบบนี้ มันไม่จำเป็นต้องพัง คุณควรจะควบคุมตัวเองให้อย่างดี ด้วยไต้หวันและญี่ปุ่นเขาปาร์ตี้เป็น และเราสามารถยกเอางานสงกรานต์เป็นงานอินเตอร์ได้ ซึ่งสมัยก่อนเราคิดไม่ออกว่ามันจะไปยังไง มันจะต้องเป็นนางรำ มันจะไปยังไงสงกรานต์ แต่เราเข้าใจวันนี้ว่ามันคือเรื่องการสาดน้ำใส่กัน เอ็นจอยกับเสียงเพลง นั่นคือหัวใจของสงกรานต์ หลังจากนี้ก็ฝันว่าจะเปิดปีละประเทศ
การทำงานกับหน่วยราชการของเขายุ่งยากไหม ?
ผมบอกเลยนะอันนี้คือเรื่องใหญ่สุดของบ้านเรา แต่ของเขามันราบรื่นมาก เอาง่ายๆ ของเขามีกฎหมายที่ชัดเจน ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา กฏหมายเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น
คือการทำงานต่างประเทศง่ายกว่าบ้านเรา ?
โอ้บ้านเรานี่ลำบากมาก มันมีหลายคนมาเกี่ยวข้อง มีคนที่ไม่รู้มาจากไหนมาเกี่ยวข้อง มันทำให้เราตื่นตัวตลอดเวลา แต่เราต้องเข้าใจว่านี่คือวัฒนธรรมของบ้านเรานะครับ ถ้ามีการปรับปรุงตรงนี้ได้ เราก็จะทันโลกได้ เพราะเมื่อกติกาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ คนที่เป็นผู้ประกอบอาชีพก็จะงง
จะมีไปประเทศอื่นอีกไหม ?
ก็ต่อไปปีหน้า อยากให้เป็นโซล เกาหลี ความฝันคือทุกประเทศในโลก แต่ตอนนี้เปิดปีละเมืองก่อน ปีหน้าหวังว่าเป็นเกาหลี และเวียดนามต่อไป
