"สมศักดิ์" เยี่ยมคุกเขาพริก เล็งสร้างงาน ปรับกฎหมายให้จำนวนนักโทษน้อยลง เผยไม่อยากสร้างคุกเพิ่มหวั่นเบียดเบียนงบประมาณ
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 22 ก.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก จ.นครราชสีมา โดยนายสมศักดิ์ และคณะ ได้เข้าเยี่ยมชมภายในทัณฑสถาน เพื่อติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ต้องขัง ซึ่งได้เดินเยี่ยมชมแดนต่างๆ รวมถึงโรงอาหาร เพื่อตรวจดูคุณภาพอาหารว่าเพียงพอหรือไม่ ทั้งนี้นายสมศักดิ์ ได้สอบถามผู้ต้องขังถึงเวลาการรับประทานอาหาร และอาหารที่ได้รับเพียงพอหรือไม่ ซึ่งหนึ่งในผู้ต้องขัง ตอบว่า อาหารที่ได้รับเพียงพอ จากนั้น ภายหลังตรวจเยี่ยมโรงอาหารแล้วเสร็จ นายสมศักดิ์ ได้เดินทางมาเยี่ยมชมโครงการศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรอุตสาหกรรมเรือนจำเขาพริก พร้อมรับฟังบรรยายสรุป
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้เห็นกิจกรรมของกรมราชทัณฑ์ที่ดูแลผู้ต้องขังในจุดที่ดีคือการให้ต้องหาชั้นดีที่ใกล้จะพ้นโทษมีงานทำ ซึ่งอยู่ในโครงการพระราชดำริ "โครงการกำลังใจ" ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี เพราะหากว่าผู้ต้องขังหลายๆคนสมัครใจออกมาทำงานก็จะมีรายได้และได้ฝีกการทำงานด้านการเกษตรโดยมีบริษัทเอกชนให้การสนับสนุน เมื่อพ้นโทษจะได้มีโอกาสทำงานต่อกับบริษัทด้วย ตรงนี้เป็นความสมัครใจของผู้ต้องขัง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมในส่วนอื่นๆเพิ่มเติมจากที่เคยทำอยู่อีกหลายรายการหลายอย่าง เพราะสิ่งที่เราได้พูดคุยว่ามีนักโทษในเรือนจำเรือนนอนล้นก็ต้องหางาน ให้ผู้ต้องขังออกไปทำงาน และเราต้องหาทางทำให้มีนักโทษจำนวนน้อยลงโดยการปรับปรุงกฎหมายบางอย่างที่เราคิดว่าสากลประเทศเขาทำแล้วได้ผลซึ่งรัฐมนตรีคนก่อนหน้า พล.อ.ประจิน จั่นตอง ได้ศึกษาไว้ เราจะเดินหน้าต่อ และอีกทางคือการสร้างเรือนจำเพิ่ม แต่ส่วนตัวมองว่าจะเป็นการไปรบกวนงบประมาณ เราก็คิดว่าการสร้างเรือนจำขอให้เป็นไปตามกำหนดเดิม ไม่เร่งรัด และควรหาทาอื่นดีกว่าไม่ใช่การสร้างเรือนจำเพิ่ม
ขณะที่ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เราจะมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ตามที่ท่านรัฐมนตรีได้มอบนโยบายว่า ให้มองผู้ต้องขังเหมือนพี่น้องร่วมชาติ เขาแค่คิดผิดก้าวพลาด วันนี้เรามีมีผู้ต้องขัง 3.5 แสนคน คนส่วนใหญ่อาจมองว่า พวกเขาเป็นฆาตกรใจทมิฬ ปล้นฆ่า ข่มขืน แต่จริงๆแล้ว 75% หรือ 3 แสนคน เป็นผู้ต้องขังเกี่ยวกับยาเสพติด และอย่างที่ท่านรัฐมนตรีกล่าวไว้ว่าเราควรจำศึกษากฎหมายต่างประเทศที่เป็นประโยชน์ อาจจะลงโทษเฉพาะ ผู้ค้าและผู้ผลิตรายใหญ่ ผู้นำเข้าหรือผู้ส่งออกเท่านั้น รายเล็กๆก็อาจจะใช้วิธีอื่นๆ เช่น การบำบัดการคุมประพฤติ ติดกำไรติดตามตัว
