“ธนาธร”จวกคนรับใช้เผด็จการขายชาติ

2019-07-19 12:30:11

“ธนาธร”จวกคนรับใช้เผด็จการขายชาติ

Advertisement

“ธนาธร” แจงเดินสายต่างประเทศ ได้รับเสียงสะท้อนอยากเห็นประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตย ลั่นไม่มีความคิดทำลายชาติมีแต่ความจริงใจที่จะปลดปล่อยศักยภาพที่ถูกกดทับมานานของสังคมไทย จวกกลุ่มคนที่กล่าวหาขายชาติ รับใช้เผด็จการต่างหากที่ขายชาติ

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวถึงผลการเดินทางไปต่างประเทศในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การเดินทางในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยวัตถุประสงค์ 4 ประการ 1. คือการสร้างเครือข่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในต่างประเทศ เครือข่ายระหว่างพรรคกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ เครือข่ายระหว่างพรรคกลับกลุ่มภาคประชาสังคมที่เชื่อในเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย การมีเครือข่ายจะทำให้พวกเราสามารถทำงานได้ง่ายขึ้นในวันที่เป็นรัฐบาล 2.เราไปเพื่อชี้แจงสถานการณ์การเมืองไทยให้กับองค์กรและรัฐบาล และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ที่สนใจเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองไทยล่าสุด 3. เราไปเพื่อศึกษาเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงในเชิงเศรษฐกิจและการเมืองในสหภาพยุโรปและในสหรัฐอเมริกา และ 4.เราไปดูงานด้านการพัฒนาเมืองว่าจะสามารถนำนวัตกรรมการพัฒนาเมืองใหม่ๆกลับมาใช้ในประเทศไทยได้อย่างไรบ้าง เพราะพรรคอนาคตใหม่ต้องการที่จะทำนโยบายการพัฒนาเมืองให้ดี เพื่อลงเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นที่จะมาถึง

นายธนาธร กล่าวต่อว่า การเดินทางครั้งนี้ ตนไปพบองค์กรสิทธิมนุษยชนและองค์กรที่สนับสนุนประชาธิปไตยมาทั้งหมด 7 องค์กรด้วยกัน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล ของกระทรวงการต่างประเทศ 4 ประเทศและของสหภาพยุโรป รวมทั้งหมดเป็น 5 ที่ คณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรประเทศต่างๆรวม 6 ท่าน และได้ไปบรรยายสาธารณะเกี่ยวกับทิศทางการทำงานก้าวต่อไปอีกหนึ่งการบรรยายที่ London School of Economics โดยในการเดินทางครั้งนี้ไปทั้งหมด 5 เมืองด้วยกัน คือ Brissel, Berlin, London, New York และ Washington D.C.


นายธนาธร กล่าวอีกว่า จากการไปเยือนกลุ่มองค์กรและสื่อมวลชนหลายสำนัก สิ่งที่คนได้รับกลับมาคือเสียงสะท้อนจากผู้ที่ห่วงใยและสนใจในสถานการณ์ในประเทศไทย ทุกคนให้เสียงสะท้อนเหมือนกันหมดว่าอยากเห็นประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตย อยากเห็นประเทศไทยที่นับถือในหลักการนิติรัฐ นับถือในหลักการแห่งสิทธิมนุษยชนสากล ทุกตัวแทน ทุกองค์กรที่ผมไป พบอยากเห็นประเทศไทยเป็นผู้มีบทบาทนำอย่างแข่งขันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะนำประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง ที่จะนำหลักการสิทธิมนุษยชนให้ปักรากลึกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ ทุกคนอยากเห็นประเทศไทยที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่แก้ปัญหาในระดับภูมิภาคเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาในระดับโลก

นายธนาธร กล่าวด้วยว่า ได้รับความเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองในระดับโลกมากขึ้น อย่างในอังกฤษเองกำลังจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทนนางเทเรซ่า เมย์ ที่กำลังจะลาออกเพราะไม่สำเร็จในการทำดีล Brexit กับสหภาพยุโรปให้เป็นที่น่าพอใจได้ แนวโน้มในตอนนี้ผู้ที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนน่าจะเป็นนายบอริส จอห์นสัน จากพรรค Conservative เป็นผู้ที่ผลักดัน Brexit มาอย่างยาวนานในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่วนในสหภาพยุโรป มีความกังวลอย่างชัดเจนในด้านการเสื่อมถอยของระเบียบโลกเสรีที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่การล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน มีความกังวลต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลว่ารัสเซียเองจะมีท่าทีคุกคามต่อระเบียบโลกเสรี ดังนั้น ยุโรปในตอนนี้ต้องการมิตรประเทศที่เชื่อและยึดมั่นในหลักการเดียวกับยุโรป คือหลักการประชาธิปไตยและหลักการสิทธิมนุษยชน

นายธนาธร กล่าวด้วยว่า ส่วนในสหรัฐอเมริกาเอง มีการพูดถึงมากเรื่องการเลือกตั้ง Mid-term election ที่จะมาถึง คือการเลือกตั้งในระดับมลรัฐ และมีการพูดถึงการทำไพรมารี่ของพรรคเดโมแครตในการหาแคนดิเดทประธานาธิบดีสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020


หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า นอกจากนี้ ตนยังได้ไปศึกษาดูงานเรื่องการพัฒนาเมืองมาด้วย โดยได้ไปศึกษามาที่ ลอนดอนมากที่สุด ปัจจุบันนายกเทศมนตรีของลอนดอนคือนายซาดิก ข่าน มีนวัตกรรมที่น่าสนใจ เช่นเรื่องความโปร่งใส ให้มีการถ่ายทอดสดประชุมสภาลอนดอนทุกครั้งและให้ติดตามย้อนหลังได้ โดยปัญหาหนักที่สุดของคนลอนดอน ในวันนี้คือปัญหาที่อยู่อาศัย การเป็นเจ้าของบ้านเป็นได้ยากขึ้น มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัยน้อยลง สิ่งที่นายซาดิกทำเป็นสิ่งแรก คือการผลักดันให้เกิดการสร้างบ้านเพื่อเติมซัพพลายเข้าไปในระบบ ทุกคนสามารถเข้าไปดูในเว็ปไซต์ได้ว่ามีการสร้างบ้านเพิ่มขึ้นในแต่ละที่เท่าไหร่บ้าง นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาเยาวชน มีการนำงบเข้ามาหนึ่งก้อนให้เยาวชนในลอนดอนสามารถเสนอโครงการนำงบไปใช้ได้ เพื่อการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนในชุมชน

“สิ่งเหล่านี้ที่เราไปดูงานมาจะกลับมาอยู่ในนโยบายในการลงเลือกตั้งท้องถิ่น จะอยู่ในนโยบายที่จะนำกลับมาสร้างเมืองของเรา ไม่ใช่แค่ กทม. แต่ทุกเมืองที่อนาคตใหม่จะส่งลงเลือกตั้งในระดับ อบจ. ผมอยากจะเห็นการนำเอามิติใหม่ๆของการพัฒนากลับเข้ามาสู่ประเทศไทย ผมไม่อยากจะเปรียบเทียบเยอะ แต่ถ้าทุกท่านมีเวลาลองเข้าไปดูเว็บใซต์ของ กทม. แล้วเปรียบเทียบกับเว็บไซต์ของเมืองลอนดอนดู แล้วทุกท่านจะเห็นถึงความแตกต่างที่เห็นได้ชัด ผมมองไม่เห็นอุปสรรคปัญหาอะไรเลยว่าทำไมเราถึงจะก้าวเดินไปในการพัฒนาเมืองที่ดีอย่างลอนดอนไม่ได้ แค่เว็บไซต์อย่างเดียวน่าจะบอกถึงทิศทางการพัฒนาเมืองได้ เว็บไซต์ของลอนดอนเต็มไปด้วยผู้คน ให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ผู้คน”นายธนาธร กล่าว


นายธนาธรยังได้กล่าวถึงข้อโจมตีที่มีมาตลอดเวลาในช่วงที่ตนไม่อยู่ เช่นการกล่าวหาว่าตนพยายามจะหนีคดี ซึ่งตนขอย้ำอีกครั้งว่าตั้งแต่ตนร่วมตั้งพรรคอนาคตใหม่มา เป้าหมายคือการต่อสู้เพื่อให้อำนาจกลับมาสู่ประชาชน ต้องชนกับอำนาจเผด็จการ วันนี้แม้จะกลายร่างเป็นเผด็จการที่มีการเลือกตั้งแล้ว แต่เรารู้ตั้งแต่ตั้งพรรคอยู่แล้วว่าการดำเนินคดีกับเราต้องเกิดขึ้น ดังนั้นตนเตรียมตัวเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว ว่าจะไม่มีการหลบหนีเด็ดขาด การกล่าวหาว่าจะหลบหนีเป็นเพียงแค่การโจมตีตนและพรรคอนาคตใหม่ ตนจึงขอยืนยันในที่นี้อีกครั้ง ว่าตนและพรรคอนาคตใหม่มีความตั้งใจและจริงใจที่จะผลักดันประเทศไทยไปข้างหน้า โดยพร้อมที่จะเผชิญกับคดีต่างๆ ส่วนเรื่องข้อกล่าวหาเรื่องการขายชาตินั้น เป็นข้อกล่าวหาหนึ่งที่เราได้รับมาโดยตลอด พรรคอนาคตใหม่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นการโจมตีที่เราคาดไว้อยู่แล้วว่าต้องเผชิญ ทั้งนี้ตนเห็นว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราต้องนิยามคำว่าชาติใหม่

“สำหรับพรรคอนาคตใหม่ ชาติคือประชาชน สำหรับพรรคอนาคตใหม่ชาติไม่ใช่รัฐบาล และที่สำคัญที่สุดชาติไม่ใช่ความมั่นคงของ คสช. ไม่ใช่ความมั่นคงของประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ่งที่เราไปพบปะพูดคุยกับองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ รัฐบาลต่างๆ เราพูดคุยกันถึงสถานการณ์การเมืองของประเทศไทย ทำอย่างไรให้ประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง ดังนั้นผมมั่นใจว่าด้วยเจตนาดีของเรา เราไม่มีความคิดที่จะทำลายชาติ คนที่กล่าวหาเราว่าขายชาติต่างหาก พวกที่เป็นกลุ่มคนที่รับใช้เผด็จการต่างหาก ที่ทำลายชาติที่ขายชาติ พวกเรามีแต่ความจริงใจที่อยากจะพัฒนาประเทศไทยไปข้างหน้า พวกเรามีแต่ความจริงใจที่จะปลดปล่อยศักยภาพที่ถูกกดทับมานานของสังคมไทย เพื่อให้ประเทศไทยทะยานไปข้างหน้าได้อย่างทัดเทียมกับโลกภายนอก ความมั่นคงของประเทศไม่ใช่ความมั่นคงของรัฐบาล เป็นคนละเรื่องกัน และสิ่งที่เราทำไปไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความมั่นคงของประเทศเลย ในทางกลับกัน เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะมั่นคงได้ก็ต่อเมื่อประเทศไทยกลับมาสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนเท่านั้น” นายธนาธร กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลประกาศนโยบายการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเร่งด่วน และได้รับการตอบรับจากรัฐบาลนั้น นายธนากร กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะไม่มีการแก้ไขในเรื่องที่เกี่ยวกับอำนาจของ ส.ว. รวมทั้งในหมวดหมู่มาตราที่เกี่ยวกับการกุมอำนาจเอาไว้ของ คสช. ไม่ว่าจะเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ องค์กรอิสระ อาจมีการแก้ไขมาตราเล็กๆน้อยๆในลักษณะผักชีโรยหน้า แต่จะไม่มีการไม่แก้ไขสิ่งที่เป็นกลไกในการควบคุมอำนาจของตัวเอง