หญิงชาวอเมริกันในรัฐเทกซัส ถูกตำรวจจับกุม หลังจากศพแม่วัยชราของเธอ ในสภาพเน่าเหลือแต่โครงกระดูก ถูกพบในบ้านพัก ขนาด 2 ห้องนอน ที่เธออยู่ร่วมกับแม่และลูกสาวของเธอรวม 3 คน
ตำรวจสันนิษฐานว่า หญิงชราวัย 71 ปี ประสบอุบัติเหตุล้มภายในบ้านในปี พ.ศ. 2559 ได้รับบาดเจ็บและลุกไม่ขึ้น และลูกสาววัย 47 ปีไม่ให้ความช่วยเหลือ เธอนอนซมเพราะอาการบาดเจ็บอยู่ “ไม่กี่วัน” ก่อนจะสิ้นใจตาย แต่ลูกสาวไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และปล่อยศพแม่ไว้อย่างนั้น
โครงกระดูกของหญิงชราวางกองอยู่บนพื้นในห้องนอนของเธอ ขณะที่ลูกสาวและหลานสาว ซึ่งขณะนั้นยังเป็นผู้เยาว์ อายุไม่ถึง 15 ปี พักอยู่อีกห้อง
ตำรวจเชื่อว่าแม่และลูกสาว ต้องเห็นหรือได้กลิ่นศพยายแทบทุกวัน ตรงจุดนี้ตำรวจตั้งข้อหา “ทำอันตราย” ต่อเด็ก แก่ผู้เป็นแม่เพิ่มอีก 1 ข้อหา ตามกฎหมาย
ตำรวจแยกลูกสาวให้อยู่ในความดูแลของญาติ โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพและค่าเล่าเรียน จากสำนักงานคุ้มครองเด็กและเยาวชนของรัฐบาล ส่วนผู้เป็นแม่อาจถูกลงโทษจำคุก สูงสุดไม่เกิน 20 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์ (306,230 บาท) หากศาลตัดสินว่ามีความผิดตามฟ้อง
ตำรวจเผยอีกว่า หญิงชราผู้ตายเป็นสมาชิกที่ได้รับการเคารพนับถือจากชุมชนท้องถิ่น เธอทำงานเป็นเลขานุการ และครูช่วยสอน ในโรงเรียนท้องถิ่นแห่งหนึ่งนาน 35 ปี และเมื่อเกษียณจากงาน เธอทำงานเป็นพนักงานเก็บตั๋ว รายการแข่งขันกีฬาในเมืองเซกิน.