"อุตตม" ชี้ ศก.กระทบจากภายนอกต้องมีมาตรการผ่อนแรง

2019-07-13 18:45:33

"อุตตม" ชี้ ศก.กระทบจากภายนอกต้องมีมาตรการผ่อนแรง

Advertisement

"อุตตม" เปิดงาน mai FORUM 2019: มหกรรมรวมพลังคน mai ครั้งที่ 6 ระบุในส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากภายนอกจะต้องมีมาตรกาช่วยผ่อนแรงกระทบ แก้ไขปัญหาได้ตรงเป้า เล็งเห็นผลไม่ใช่การทำแบบฉาบฉวย ชี้การขึ้นค่าแรงจะต้องทำควบคู่กับการปรับยกระดับทักษะฝีมือขีดความสามารถของผู้ประกอบการ แยกแยะเป็นแต่ละระดับ

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดงาน mai FORUM 2019: มหกรรมรวมพลังคน mai ครั้งที่ 6 ในวาระ mai ครบรอบ 20 ปี ของการดำเนินงาน โดยมีนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) นางเอื้อมพร ปัญญาใส นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) พร้อมด้วยผู้บริหาร mai กว่า 100 บริษัท ที่ร่วมออกบูธแสดงศักยภาพธุรกิจ


นายอุตตม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้ผมได้รับเชิญให้เป็นประธานเปิดงาน mai FORUM 2019 : มหกรรมรวมพลังคน mai ครั้งที่ 6 ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ mai ร่วมกับ สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ maiA งานนี้ก็ถือว่าเป็นการยึดโยงกับนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาผู้ประกอบการ SME ที่ตลาดหลักทรัพย์ mai ได้จัดงานครบรอบ 20 ปี โดยวันนี้ผมได้มีโอกาสหารือร่วมกับผู้บริหารของ mai และได้ฝากโจทย์ไว้คือ 1.อยากขอให้ mai และพันธมิตร มีส่วนช่วยในการร่วมพัฒนาผู้ประกอบการรายเล็ก เน้นผู้ประกอบการในส่วนของภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโลก 2. การรักษามาตรฐานของบริษัทในตลาด mai และการเข้าสู่ตลาด mai ของบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน



3.การเร่งปรับตัวของผู้ประกอบการ SME ,Micro SME รวมไปถึงกลุ่ม Startup ที่จะต้องเรียนรู้เข้าถึงการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เข้ามาเสริมเป็นตัวช่วย ในส่วนของระบบการเงิน ผมอยากเห็นระบบการเงินที่มีองค์ประกอบสมบูรณ์ ไปตอบโจทย์การช่วยเหลือพัฒนาผู้ประกอบการตั้งแต่ฐานราก เราไม่ได้พูดถึงแค่ตลาดหลักทรัพย์ที่จดทะเบียน แต่เรายังมีเครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆด้วย เช่น เรื่องของการร่วมทุน Venture Capital การลงทุนแบบดิจิทัลสมัยใหม่ ที่สำคัญรัฐบาลได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินสมัยใหม่เอาไว้บ้างแล้ว ทั้งระบบ E-payment ซึ่งต้องมีการต่อยอดเพื่อให้เกิดการใช้งานอย่างกว้างขวาง และสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ยกระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการได้ด้วย โดยเฉพาะ SME รายเล็ก


สำหรับเรื่องของการลดภาษีบุคคลธรรมดา และภาษีออนไลน์ จะต้องมีการศึกษาให้ละเอียดรอบคอบก่อนที่จะมีการกำหนดมาตรการในการดำเนินการต่อไป เพราะจะต้องทำให้เกิดความสมดุลของระบบการเงิน ในขณะเดียวกันเราก็ต้องการให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยผมเชื่อว่าเราจะสามารถหาจุดสมดุลของการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ ซึ่งจะต้องเป็นประโยชน์ต่อทั้งประชาชน บุคคลธรรมดา นิติบุคคล และผู้ประกอบการด้วย 




ในส่วนของมาตรการด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากภายนอก ก็จะต้องมีมาตรการที่จะช่วยผ่อนแรงกระทบ ส่วนมาตรการจะต้องตอบโจทย์แก้ไขปัญหาได้ตรงเป้า เล็งเห็นผลได้ ไม่ใช่การทำแบบฉาบฉวย และจะต้องสอดรับกับงบประมาณไม่ให้เกิดผลกระทบ เพราะงบประมาณจำเป็นที่จะต้องใช้ในหลายด้านไม่ใช่แค่เรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่อย่างไรผมเชื่อว่ารัฐบาลมีความพร้อมที่จะดำเนินการโดยมีชุดมาตรการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าไปได้


ขณะที่เรื่องของค่าแรงที่จะปรับเพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้เราได้ร่วมพูดคุยกับหลายๆพรรคที่ได้นำเสนอนโยบายดังกล่าวด้วยเช่นกัน และเชื่อว่าก็จะมีการกำหนดแนวทางนี้ร่วมกันได้ ประเด็นสำคัญคือ การปรับขึ้นค่าแรงนั้นจะต้องทำควบคู่กับการปรับยกระดับทักษะฝีมือขีดความสามารถของผู้ประกอบการ แยกแยะเป็นแต่ละระดับ ไม่สามารถทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งก่อนอีกเรื่องหนึ่งได้