ศิริราชพร้อมจัดสร้าง "ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ" ต้นแบบการดูแลรองรับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ บนพื้นที่ 25 ไร่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 1,800 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 ก.ค.ที่ ห้องจุฬาภรณ์ ตึกสยามินทร์ ชั้น 2 รพ.ศิริราช ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับ นายสมคิด จันทมฤก ผวจ.สมุทรสาคร แถลงข่าว “โครงการจัดสร้างศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ” โดยมี ศ.นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และ รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผอ.รพ.ศิริราช "แพนเค้ก-เขมนิจ" พร้อมมารดา นางนงนวล จามิกรณ์ ตลอดจนคณะกรรมการ ฯ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมด้วย
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ปัจจุบันประชากรผู้สูงอายุทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุข ในหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศไทย ที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ตามคำนิยามขององค์การอนามัยโลก กล่าวคือ มีประชากรอายุ 60 ปี ขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรไทย และสูงเป็นอันดับที่ 3 ของเอเชีย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญถึงการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 2528 ได้มีการพัฒนาด้านการศึกษา การวิจัยและการบริการอย่างต่อเนื่อง บัดนี้ ด้วยการสนับสนุนจากกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ภายใต้แผนบูรณาการสร้างความเสมอภาคเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ได้ร่วมมือกับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ดำเนินโครงการจัดสร้างศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เนื่องด้วยความพร้อมและศักยภาพในการรองรับการดำเนินการในหลายด้านของจังหวัด จึงนำมาสู่ความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ จ.สมุทรสาคร โดยมุ่งหวังให้ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ สร้างระบบการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นต้นแบบของประเทศ โดยเฉพาะการดูแลระยะกลาง (intermediate care) เพื่อให้ผู้ป่วยสูงอายุหลังพ้นการเจ็บป่วยในระยะเฉียบพลันแล้ว ได้เตรียมตัวกลับไปใช้ชีวิตต่อที่บ้านได้ ลดระยะเวลาการต้องอยู่ในโรงพยาบาลนานเกินไป และสามารถป้องกันการกลับมาเจ็บป่วยซ้ำ หรือต้องมารับการรักษาในโรงพยาบาลซ้ำซ้อนอีก
ผลจากการดำเนินการทำให้เกิดองค์ความรู้เฉพาะทางสำหรับกลุ่มผู้ป่วยสูงวัย เป็นต้นแบบขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ ของประเทศในอนาคต ตลอดจนเป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคต่าง ๆ ในผู้สูงอายุไปยังประชาชนผู้สนใจทั่วไป สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 – 2580 ในยุทธศาสตร์ที่ 2 ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ในด้านอุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ครบวงจร ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ที่ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ และยุทธศาสตร์ที่ 4 ยุทธศาสตร์การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม รองรับสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ ขนาดพื้นที่ 25 ไร่ ตั้งอยู่ห่างจาก รพ.ศิริราช 35 กิโลเมตร ณ ถนนเลียบคลองสี่วาพาสวัสดิ์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ได้รับการจัดสรรงบประมาณแผนบูรณาการการสร้างความเสมอภาคเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ตามยุทธศาสตร์ด้านการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ เป้าหมายด้าน สภาพแวดล้อม และนวัตกรรมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดีเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ภายใต้กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 1,800 ล้านบาท
การดำเนินโครงการ แบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 ปีงบประมาณ 2562 - 2563 และระยะที่ 2 ปีงบประมาณ 2563 - 2564 ประกอบด้วย
1) A ศูนย์ฝึกอบรมและวิจัย อาคาร 4 ชั้น
2) B อาคารผู้ป่วยนอก อาคาร 2 ชั้น
3) C ศูนย์ฟื้นฟูผู้สูงอายุ อาคาร 3 ชั้น
4) D หอผู้ป่วยใน 1 อาคาร 3 ชั้น (ห้องผู้ป่วยทั่วไป 40 ห้อง ห้องผู้ป่วย Respite 6 ห้อง)
5) E หอผู้ป่วยใน 2 อาคาร 3 ชั้น (ห้องผู้ป่วยทั่วไป 22 ห้อง ห้องผู้ป่วย Dementia 12 ห้อง)
6) F หอพักบุคลากร อาคาร 9 ชั้น (317 เตียง)
7) G อาคารสนับสนุน อาคาร 2 ชั้น พื้นที่ 1,815 ตร.ม. (งานครัว งานผ้า)
8) H บ่อบำบัดน้ำเสียรวม
9) I อาคารพักขยะ
10) อื่นๆ ได้แก่ ทางเชื่อม งานภายนอกและงานภูมิสถาปัตยกรรม
ให้บริการทั้งผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอก ดังนี้
ผู้ป่วยใน (IPD) รับผู้ป่วยอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ส่งต่อจากโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลใกล้เคียง เข้ารับการดูแลในระยะกลาง (Intermediate care) เข้ารับการฟื้นฟูสภาพร่างกาย เช่น การรักษาตามหลักการ เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ การทำกายภาพบำบัด การดูแลทางโภชนบำบัด และอื่น ๆ กรณีที่ผู้ป่วยกลับมามีอาการเฉียบพลันที่คุกคามต่อชีวิต จะส่งกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลต้นสังกัดเดิม นอกจากนั้น ยังมีการดูแลผู้ป่วยสูงอายุระยะสั้น (Respite Care) เพื่อให้ญาติและผู้ดูแลมีระยะเวลาพักจากการดูแลผู้ป่วยสูงอายุมานานบ้าง
ผู้ป่วยนอก (OPD) มีการบริการใน 5 ลักษณะ ได้แก่ คลินิกสุขภาพดี คลินิกเฉพาะโรคในกลุ่มอาการสูงอายุ (Geriatric Syndrome) เช่น สมองเสื่อม (Dementia) ภาวะซึมสับสนเฉียบพลัน (Delirium) ภาวะหกลม (Falling) โรคซึมเศรา (Depression) เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เป็นต้น คลินิก Day Hospital เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยสูงอายุแบบโรงพยาบาลกลางวัน คลินิกแพทย์แผนไทย และแผนก Day Care จะเป็นการจัดกิจกรรมแบบชมรมผู้สูงอายุ มีกิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพทั้งด้านกายและจิต ทั้งนี้จะไม่รับผู้ป่วยฉุกเฉิน กรณีที่มีผู้ป่วยระยะเฉียบพลับ จะเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และส่งต่อให้โรงพยาบาลที่มีศักยภาพรองรับเพื่อรักษาต่อไป
กล่าวโดยสรุป การดูแลผู้ป่วยแบบ Intermediated Care คือ การรักษาพยาบาลผู้ป่วยสูงอายุระยะกลางหรือระยะรองเฉียบพลัน (Intermediate Care หรือ Sub-acute Care) มีดังนี้
1) เน้นการดูแลผู้ป่วยสูงอายุที่ฟื้นไข้จากความเจ็บป่วยเฉียบพลัน มารับการดูแลแบบสหสาขาวิชาชีพด้วยหลักการทางเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ (Geriatic Medicine)
2) เร่งขบวนการการฟื้นไข้ ให้ผู้ป่วยสูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพทั้งด้านกาย ด้านพฤติกรรมและอารมณ์ ที่ผิดปกติ สามารถกลับบ้านได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
3) ป้องกันการเข้ารับการการรักษาซ้ำในโรงพยาบาล และการดูแลในบ้านพักคนชราซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่าย ต่อสังคมและประเทศอย่างมาก
4) ทำให้โรงพยาบาลหลักสามารถหมุนเวียนเตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยระยะเฉียบพลันรายใหม่เข้ารับการรักษาได้เร็วขึ้น
ดังนั้นการบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อการก้าวสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โดยศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล จะเป็นต้นแบบ
การบูรณาการการดูแลผู้สูงอายุอย่างยั่งยืน สร้างความรู้ทางวิชาการการฟื้นฟูดูแลผู้สูงอายุในระยะกลาง หรือระยะรองเฉียบพลันให้สามารถกลับบ้านและมีคุณภาพชีวิตที่ดี อันจะนำไปสู่การเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ และสังคมต่อไปด้วย