มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 คน และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 100 คน จากลมพายุรุนแรงพัดกระหน่ำภาคเหนือของประเทศกรีซ เมื่อคืนวันพุธ ทำให้ต้นไม้ใหญ่หักโค่นเป็นแถบ และหลังคาอาคารบ้านเรือนพังปลิวไปกับกระแสลมเป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่เผยว่า พายุลูกนี้มาเร็วและไปเร็ว พัดกระหน่ำพื้นที่คาบสมุทรฮัลกีดิกิ เพียงไม่กี่นาที ด้วยกำลังแรงลมกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
คาบสมุทรฮัลกีดิกิ เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน ของนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวกรีซ
นักท่องเที่ยวสามีภรรยาสูงวัยชาวเชกเสียชีวิต เมื่อกระแสลมแรงและกระแสน้ำ ทำให้รถยนต์เทรลเลอร์ส่วนตัวที่พวกเขาขับท่องเที่ยวพลิกคว่ำ ส่วนหญิงจากโรมาเนีย และลูกชายอายุ 8 ขวบ เสียชีวิตหลังจากภัตตาคารพังถล่มทับ บนชายหาดเมืองเนียพลาเกีย ขณะที่ชายชาวรัสเซียและลูกชาย เสียชีวิตจากต้นไม้หักโค่นทับ บริเวณใกล้โรงแรมที่พัก ในเมืองโปทิเดีย
เจ้าหน้าที่เผยว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 7 เป็นชายชาวกรีซอายุ 62 ปี อาชีพชาวประมง ศพถูกพบในทะเลประมาณ 6.8 ไมล์ทะเล นอกชายฝั่งคาบสมุทรฮัลกีดิกิ
นายธีโอโดรอส คาราคอสตาส ศาสตราจารย์อุตุนิยมวิทยาและสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยอริสโตเตเลียน กล่าวว่า พายุลูกนี้เป็นพายุ "ซูเปอร์เซล" ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากที่สุด แต่มีความรุนแรงมากที่สุด.