ตำรวจนครสวรรค์บวชเป็นพระ ลืมตัวถือปืนวิ่งจีวรปลิวช่วยตัวประกัน สุดท้ายอาบัติ ต้องสึกกลับมาเป็นตำรวจ
คลิปนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊ก โม่งดำ-Black Hood Tactical เผยภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ที่ พระรูปหนึ่งกำลังวิ่ง โดยในจีวรคล้ายซ่อนอาวุธปืนยาวไว้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นเหตุการณ์ที่ นายเอื้อน อายุ 60 ปี ใช้มีดปลายแหลมประมาณ 1 ฟุต บุกจี้นางสำเริง อายุ 58 ปี ผู้เป็นภรรยา เพื่อต้องการให้กลับไปอยู่ด้วยกัน หลังแยกกันอยู่ตั้งแต่ก่อนเดือน เม.ย.โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจรจาเกลี้ยกล่อมนานหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่เป็นผล
แต่ในระหว่างนั้นมีหลวงพี่กอล์ฟ ซึ่งเดิมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ ซึ่งขณะนั้นเป็น พระลูกวัด ของวัดสุคตวราราม อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มาซื้อปัจจัยบริเวณปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุพอดี จึงดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินว่าคนร้ายอาจมีอาวุธปืนซ่อนอยู่ด้วย และเพื่อความปลอดภัยของตัวประกันจึงต้องรีบช่วยเหลือด้วยความระมัดระวังและช่วยเหลือให้เร็วที่สุด
หลวงพี่กอล์ฟ จึงต้องตัดสินใจขอยืมเสื้อเกราะกันกระสุนและอาวุธปืนลูกซอง ของเพื่อนตำรวจในหน่วยเดียวกันทำภารกิจช่วยเหลือตัวประกันและควบคุมตัวคนร้ายในครั้งนี้
จนกระทั่งตัวประกันวิ่งหนีออกจากออฟฟิศได้ เหลือแต่นายเอื้อนที่ยังไม่ยอมออกมา ก่อนตัดสินใจถือมีดวิ่งออกจากออฟฟิศ เพื่อจะหนีการจับกุมและวิ่งหนีออกไปจากปั๊มน้ำมัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งทำการควบคุมตัว โดยมีหลวงพี่กอล์ฟทำหน้าที่สนับสนุนและคุ้มครอง อยู่ในแนวหลังตามที่เห็นในภาพ และจากการค้นตัวคนร้ายมีมีด 1 เล่ม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งถูกมีดบาดเข้าที่มือด้านซ้ายและขาด้านซ้ายตอนชุลมุนช่วงเข้าจับกุม ส่วนตัวประกันและคนร้ายปลอดภัย
ทีมข่าวของเราลงพื้นที่พบกับ หลวงพี่กอล์ฟ ซึ่งตอนนี้ สึกจากพระแล้ว ยอมรับว่า ตนเองเป็นพระที่ถืออาวุธปืนลูกซองตามที่เห็นในภาพจริง เดิมเป็นตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งขณะนั้นได้ลางานบวชเป็นพระเป็นเวลา 20 วันที่วัดแห่งหนึ่ง และในวันที่ 14 ของการที่เป็นพระอยู่นั้น เพื่อนตำรวจมารับที่วัดเพื่อไปซื้อของ ขณะกำลังซื้อของอยู่นั้นได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุจี้ตัวประกันที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งเพื่อนของเขาต้องเข้าไประงับเหตุ จึงกลับไปส่งที่วัดไม่ได้ จึงต้องติดรถไปด้วย เมื่อไปถึงเหตุการณ์เริ่มรุนแรง ด้วยสัญชาตญาณตำรวจจึงอาสาช่วยระงับเหตุ ประกอบกับไม่ต้องการที่จะให้เกิดการสูญเสียใดๆ กับใครทั้งสิ้น จึงลืมความเป็นพระและเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ในที่สุด
เมื่อเหตุการณ์จบลงตนเองก็ได้กลับวัดและสารภาพกับเจ้าอาวาสเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทำลงไป ซึ่งเจ้าอาวาสก็บอกว่าเป็นการอาบัติอย่างแน่นอน แต่ทางเจ้าอาวาสก็ได้ปลอบใจว่า ที่ทำไปเพราะความจำเป็นในการช่วยเหลือชีวิตผู้อื่น จึงทำการปลงอาบัติให้ และตนเองจึงใช้เวลาที่เหลือ 6 วัน ตั้งใจศึกษาปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด จนเมื่อช่วงสายของวันที่10 ก.ค. ที่ผ่านมาได้ลาสิกขาออกมาและปฏิบัติหน้าที่ตำรวจต่อในทันที
ขอขอบคุณคลิปภาพจากเฟซบุ๊ก โม่งดำ-Black Hood Tactical