รวมตัวขับไล่ ผอ.โรงเรียน บริหารงานไม่โปร่งใส

2019-07-08 18:10:41

รวมตัวขับไล่ ผอ.โรงเรียน บริหารงานไม่โปร่งใส

Advertisement

นักเรียนโรงเรียนดัง จ.เพชรบุรีและสมาคมศิษย์ กว่า 1,000 คน ยื่นหนังสือถึง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต10 ขอให้ย้ายผอ.รร. ออกนอกพื้นที่และตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วนปมมีพฤติกรรมบริหารงานไม่โปร่งใส แถมเคยลงโทษนักเรียนให้คาบรองเท้า

วันที่ 8 ก.ค. สมาคมนักเรียนเก่า คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียน คณะครู และนักเรียนโรงเรียนพรหมานุสรณ์ จ.เพชรบุรี กว่า 1,000 คน นำโดยนายสุกิจ ปวีณะปกรณ์ นายกสมาคมนักเรียนเก่าฯ ถือป้ายข้อความ “ไม่เอาคนโกง” “ประชุมผู้ปกครอง ผอ.ไม่เคยเข้า” “ห้องเรียนพัดลม ห้องน้ำติดแอร์” “เอาศาลาแปดเหลี่ยมคืนมา” เดินทางมายังโรงเรียน เพื่อยื่นหนังสือต่อว่าที่ ร.ต.นภดล รักษ์แก้ว ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต10 ขอให้พิจารณาย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนออกนอกพื้นที่และตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วนกรณีมีพฤติกรรมบริหารงานไม่โปร่งใสส่อไปทางทุจริตหลายด้าน 

โดยในหนังสือร้องเรียนสรุปได้ว่าในระหว่างผู้อำนวยการคนดังกล่าวมาดำรงตำแหน่ง ได้บริหารงานมีความไม่โปร่งใสส่อไปทางทุจริตหลายๆ ด้าน รวมทั้งขาดธรรมาภิบาลในการบริหาร ทำให้เกิดปัญหาสะสมเรื่อยมาเป็นเวลานาน เช่น มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงบ่ายเบี่ยงไม่แสดงความรับผิดชอบและแก้ปัญหากรณีการลงโทษนักเรียนให้คาบรองเท้าในกิจกรรมค่ายคุณธรรม, มีพฤติกรรมส่อทุจริตเรื่องเงินผ้าป่าเพื่อจัดสร้างศาลาหลวงปู่ป่าแก้ว ซึ่งไม่มีการชี้แจงรายจ่ายเป็นลายลักษณ์อักษร, มีการจัดซื้อรถบรรทุก 6 ล้อมาดัดแปลงเป็นรถโรงเรียนโดยไม่โปร่งใสและส่อทุจริต, เรียกเก็บเงินเพิ่มเติมในการพัฒนาผู้เรียนและไม่ชี้แจงเกี่ยวกับการใช้เงินจำนวนนี้, มีการจัดจ้างอัตราบุคลากรโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนของโรงเรียนและนำบุคลากรเหล่านั้นไปใช้งานส่วนตัวผิดวัตถุประสงค์ในการจัดจ้าง, มีการจัดจ้างบริษัทในเครือญาติของตัวเองมาก่อสร้างสิ่งต่างๆในโรงเรียน, มีการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ของโรงเรียนในราคาสูงกว่าท้องตลาดทั่วไป, ใช้งบประมาณไม่เหมาะสมในการสร้างห้องน้ำติดแอร์ราคา 3,000,000 บาท และซื้อหินประดับ 3 ก้อน จำนวนเงินหลายหมื่นบาทมาตั้งไว้โดยไม่เกิดประโยชน์อันใด 




อีกทั้ง ผอ.ได้จัดเก็บรายได้จากร้านค้าในโรงเรียนแต่ไม่นำรายได้ดังกล่าวมาซ่อมแซมปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆให้อยู่ในสภาพที่ดี, มีการจัดซื้อเครื่องสแกนบัตรนักเรียนบ่อยครั้งและไม่มีคุณภาพ, สั่งรื้อศาลาแปดเหลี่ยมซึ่งเป็นที่พักรอของนักเรียนโดยไม่ฟังคำคัดค้าน, มีการนำรถโรงเรียนมาใช้ส่วนตัว,มีการนำทรัพย์สินของราชการเป็นของตนเอง เช่น รื้อกระเบื้องหลังคาหอประชุมแล้วนำไปไว้ที่บ้านของตัวเอง, ใช้คำพูดต่อครู นักเรียน และผู้ปกครองอย่างไม่สุภาพ สร้างความแตกแยก มีความไม่เป็นธรรมในการปรับขึ้นเงินเดือนครูโดยไม่มีหลักฐานมาอ้างอิง, การบริหารงบประมาณและการใช้เงินในการจัดซื้อจัดจ้างมีเฉพาะกลุ่มคนที่รู้กันภายในเพียง 2-3 คน โดยปิดบังข้อมูลต่างๆต่อคณะครู ฯลฯ 

โดยที่ผ่านมาได้มีการยื่นร้องเรียนไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สพฐ. และศูนย์ดำรงธรรมแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้า ในครั้งนี้จึงขอให้เร่งพิจารณาสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาผู้ร่วมกระทำผิดโดยเร่งด่วน เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในช่วงก่อนเกษียณอายุราชการของนายธีรศักดิ์ในเดือนกันยายน 2562 นี้ด้วย 



ด้านว่าที่ ร.ต.นภดล กล่าวว่า ตนเพิ่งย้ายมารับตำแหน่ง ยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นดังกล่าว ขอรับเรื่องกลับไปดูก่อนและจะรีบตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายต่อไป 

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ ผอ.ได้ยื่นหนังสือต่อผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 เพื่อขอลาออกจากราชการเนื่องจากป่วยด้วยอาการหลายโรครุมเร้า มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ต้องพักรักษาตัวดังกล่าว โดยจะมีผลในวันที่ 1 ส.ค. 2562 โดยสุกิจ ปวีณะปกรณ์ หรือ ครูหยง อดีตครูของโรงเรียนพรหมานุสรณ์ ได้ เป็นตัวแทนยื่นหนังสือ กล่าวว่า การที่มีการรวมตัวเพื่อมายื่นหนังสือร้องเรียนในครั้งนี้ เนื่องจากมีผู้ปกครองจำนวนมากไม่พอใจเกี่ยวกับการบริหารโรงเรียนของผู้อำนวยการโรงเรียน และไม่มีความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับเรื่องการเงิน และการบริหารงานของผู้อำนวยการคนนี้ ยังทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ครู จึงรวมตัวกันร้องเรียนเพื่อให้ย้ายผู้อำนวยการคนดังกล่าวออกนอกพื้นที่การศึกษา


คืบหน้าล่าสุด นายธีรศักดิ์ พิงภักดิ์ ผอ.โรงเรียนพรหมานุสรณ์จังหวัดเพชรบุรี ได้มีจดหมายเปิดผนึกถึงนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 นักเรียนพี่เลี้ยง และผู้ปกครองนักเรียนที่เกี่ยวข้อง โดยได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินการจัดค่ายคุณธรรม ขอน้อมรับความผิดพลาดทั้งหมด พร้อมกล่าวขอโทษนักเรียนและผู้ปกครองทุกท่านที่มิได้ตรวจสอบกิจกรรมการอบรมดังกล่าวโดยละเอียด ก่อให้เกิดการกระทำที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจของนักเรียน  พร้อมกันนี้ได้สั่งยกเลิกการเชิญวิทยากรชุดดังกล่าวมาร่วมกิจกรรมค่ายคุณธรรมของโรงเรียนตลอดไปแล้ว