สนธิกำลังไล่ล่า 2 วายร้าย ระเบิดตู้เอทีเอ็มเมืองจันท์

2019-07-07 12:20:20

สนธิกำลังไล่ล่า 2 วายร้าย ระเบิดตู้เอทีเอ็มเมืองจันท์

Advertisement

รอง ผบช.ภ.2 ลงพื้นที่ ติดตามความคืบหน้า คดีคนร้ายวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ขนทีมสันติบาล ฝ่ายข่าวทหาร ร่วมชุดสืบสวนเร่งล่าตัว เผยล็อคเป้าหมายพิเศษไว้แล้ว

วันที่ 7 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.เชษฐา โกมลวรรธนะ รอง ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน ผบก.ภ.จว.จันทบุรี , พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สภ.ขลุง เดินทางมาที่ห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส เอ็กเพลส สาขา อ.ขลุง พื้นที่หมู่ 1 ต.วันยาว อ.ขลุง จ.จันทบุรี ในการติดตามความคืบหน้าคดี คนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มของ ธนาคารออมสิน โดยมีเจ้าหน้าที่ชุด EOD ได้รายงานผลการตรวจสอบวัตถุพยานหลักฐาน ที่ตรวจพบบริเวณที่เกิดเหตุ ทั้งเศษท่อนเหล็กเส้น ที่ใช้ทำสะเก็ดระเบิด , เขม่าดินปืน , ผ้าเทปพันสายไฟสีดำ และกล่องเหล็กที่ใช้ทำระเบิด

จากผลการตรวจ และวัดคลื่นสัญญาณวัตถุที่ใช้ประกอบระเบิดของเจ้าหน้าที่ชุด EOD ยืนยันชัดเจนว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เป็นระเบิด “บ็อกส์บอม” หรือระเบิดแสวงเครื่องทำมือที่ใช้กล่องเหล็ก เป็นตัวบรรจุสะเก็ดระเบิด และอัดความควบแน่น ด้วยดินปืน ซึ่งมีอานุภาพที่รุนแรง และมีรัศมีการทำลายล้างระยะไกลกว่า 40 เมตร




ต่อมา พล.ต.ต.เชษฐา โกมลวรรธนะ รอง ผบช.ภ.2 ได้เดินทางกลับมาประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี ในส่วนของแนวทางด้านการสืบสวน ณ ห้องประชุม กองบังคับการตำรวจภูธร จันทบุรี โดยมีทีมตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.จันทบุรี และ ชุดสืบสวน สภ.ขลุง ได้รายงานผลความคืบหน้าของคดี พร้อมเปิดคลิปภาพวงจรปิด
อีกมุมหนึ่ง จากกล้องที่อยู่ด้านข้างของห้างโลตัส ที่สามารถบันทึกภาพ รูปพรรณสัณฐานของคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน สวมหมวกผ้าปิดบังใบหน้า



จากการตรวจสอบภาพวงจรปิด พบว่า คนร้ายได้ขี่รถ จยย. ฮอนด้าเวฟไอ สีขาว ใช้ถุงพลาสติกสีฟ้า สวมทับปกปิดป้ายทะเบียน อ้อมเข้ามาจากทางด้านหลังของห้าง จากนั้น 1 ในคนร้าย ได้นำระเบิด เข้าไปวางที่หน้าตู้เอทีเอ็ม และรีบวิ่งกลับออกมาหลบทางด้านหลังโดยมีคนร้ายอีกคน ขี่รถ จยย. ตามเข้ามา หลังสิ้นเสียงระเบิด คนร้ายที่เป็นมือวาง ได้เดินย้อนกลับขึ้นไปดูผลงาน เมื่อพบว่า ไม่สามารถได้เงินจากตู้เอทีเอ็ม จึงวิ่งกลับมาขึ้น รถ จยย.ของเพื่อนที่ติดเครื่องรอ และรีบขี่หลบหนีไป

หลังเสร็จสิ้นการประชุมทาง พล.ต.ต.เชษฐา โกมลวรรธนะ รอง ผบช.ภ.2 ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า จากแนวทางการทำงานของทีมสืบสวน ขณะนี้ ได้เล็งเป้าหมายพิเศษไว้แล้ว อยู่ในระหว่างการลงพื้นแกะรอยที่ติดตาม โดยได้เพิ่มกำลังตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่การข่าวฝ่ายทหาร เข้ามาปฏิบัติการร่วมกับทีมตำรวจสืบสวน เนื่องจากคดีดังกล่าว เป็นการก่อเหตุที่อุกอาจ และกระทำการในลักษณะเดียวแล้ว ถึง 2 ครั้ง ในท้องที่เดียวกัน และไม่คำนึงถึงสวัสดิภาพของประชาชน ที่อยู่รอบข้าง นับว่าเป็นการก่อเหตุที่เย้ยกฎหมาย โดยยืนยันว่าจะสามารถติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมายในเร็วๆนี้ได้อย่างแน่นอน