“อย.-ป.ป.ส.” พอใจโครงการปลูกกัญชาทางการแพทย์

2019-07-04 11:05:57

“อย.-ป.ป.ส.” พอใจโครงการปลูกกัญชาทางการแพทย์

Advertisement

“อย.-ป.ป.ส.” พอใจโครงการเพาะปลูกกัญชาทางการแพทย์ของ อภ.ทุกขั้นตอนเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด พร้อมเป็นต้นแบบแก่หน่วยงานอื่น

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นำโดย ภญ.กรพินธุ์ ณ ระนอง รอง ผอ.กองควบคุมวัตถุเสพติด และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) นำโดยนายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต ที่ปรึกษาสำนักงาน ป.ป.ส. ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามโครงการเพาะปลูกกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) โดยมี ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชม

ดร.ภญ.นันทกาญจน์ กล่าวว่า วันนี้คณะเจ้าหน้าที่จาก อย.และปปส. ได้เดินทางเข้ามาตรวจเยี่ยมเรื่องการจัดระบบการเพาะปลูกและระบบความปลอดภัยในโครงการเพาะปลูกกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรม ระยะที่ 1 ตามที่ อภ. ได้ขออนุญาตไว้ ซึ่งการมาของทั้ง 2 หน่วยงาน เป็นการติดตามความก้าวหน้าของโครงการ รวมทั้งมีการตรวจสอบสถานที่ว่า อภ. ได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ สำหรับมาตรการการกำกับดูแลการเพาะปลูกกัญชาทางการแพทย์นั้น อภ. ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลโดยมีหน้าที่ตรวจรับและเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์และผลผลิตกัญชาทางการแพทย์ เป็นตามแนวทางของหลักเกณฑ์มาตรฐานการปฏิบัติความปลอดภัยที่ดี GSP (Good Security Practice) ตลอดทั้งกระบวนการอย่างเคร่งครัด อาทิ การจัดทำบัญชีรายละเอียดแสดงสถานะการเพาะปลูกและผลผลิตกัญชาทางการแพทย์ การเก็บรักษากุญแจสถานที่เก็บเมล็ดพันธุ์และผลผลิตกัญชาทางการแพทย์ การจัดทำรายงานประจำเดือนและประจำปี ส่งให้ อย. การการเก็บรักษา การจำหน่าย และการทำลายหรือเพื่อการอื่นใดในโครงการ ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม หรือผู้แทนก่อน แล้วแต่กรณี ด้านความปลอดภัยได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับผิดชอบตรวจตราพื้นที่รอบอาคารตลอด 24 ชม. และดูแลการเข้า – ออก ของเจ้าหน้าที่บริหาร เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน และบุคคลภายนอก บุคคภายนอกที่ต้องการเข้าพื้นที่เพาะปลูกกัญชา ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อน กรณีมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องปฏิบัติตามแผนกรณีฉุกเฉินอย่างเคร่งครัด


ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนา กล่าวต่อไปว่า สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการตามโครงการนั้น ขณะนี้ อภ. ได้มีการเก็บเกี่ยวดอกกัญชาที่มีเติบโตและมีสารสำคัญสมบูรณ์เต็มที่ไปแล้ว 2 รอบ และมีแผนจะเก็บเกี่ยวอีกในวันที่ 5 ก.ค.นี้ และได้นำกัญชาที่เก็บมาแล้วไปผึ่งให้แห้งและดำเนินการตามมาตรฐานของ อภ. เพื่อนำมาสกัดเป็นน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้น คาดว่าปลายเดือน ก.ค. นี้ จะได้ผลผลิต ประมาณ 2,500 ขวด กระจายสู่ระบบของโรงพยาบาล ผ่านกรมการแพทย์ เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยในโครงการวิจัยต่างๆ รวมถึงใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้สารสกัดกัญชาต่อไป และจากนี้ก็จะดำเนินการโครงการในระยะที่ 2 เป็นการดำเนินการในระดับกึ่งอุตสาหกรรม โดยจะขยายพื้นที่ปลูกเป็นแบบ Indoor และแบบ Greenhouse พร้อมดำเนินการปรับปรุงสายพันธุ์ทั้งพันธุ์ไทยและพันธุ์ลูกผสม ให้ได้สารสำคัญที่เหมาะสม และสามารถปลูกในสภาพอากาศของไทยได้ ซึ่งจะสามารถเพิ่มผลผลิตเป็น 150,000 – 200,000 ขวด ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการปลูกได้ในต้นปี 2563

ภญ.กรพินธุ์ กล่าวว่า จากการเข้ามาตรวจเยี่ยมในวันนี้ก็เพื่อที่จะเข้ามาตรวจสอบสถานที่ที่ขอรับใบอนุญาตผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามที่ อภ. ได้มีการขออนุญาตไว้หรือไม่ ซึ่งพบว่า อภ. มีความพร้อม และดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานที่ อย.กำหนดไว้ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี เช่น มีระบบกล้องวงจรปิด ตรวจสอบการเข้าออก 24 ชม. มีการจำกัดบุคลคลเข้าสถานที่ มีระบบการสแกนนิ้วมือด้วยเครื่อง finger scan โดยตั้งรหัสผ่านให้เฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้อง และมีการติดป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้า-ออก ก่อนได้รับอนุญาต มีการตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก เพื่อป้องกันการลักลอบนำกัญชาออกนอกระบบ รวมถึงได้มีการจัดทำระบบออนไลน์กล้องวงจรปิดพร้อมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ตลอดเวลา และในกระบวนการปลูกดังกล่าว อภ.มีระบบการควบคุมที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่ง อภ. เป็นต้นแบบของการดำเนินการและปฏิบัติได้เป็นอย่างดี


ด้านนายเพิ่มพงษ์ กล่าวว่า ป.ป.ส.มีภารกิจควบคุมไม่ให้มีการนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด และจากการมาตรวจเยี่ยมพื้นที่การปลูกกัญชาทางการแพทย์ของ อภ.ในวันนี้พบว่า อภ.ได้มีมาตรการควบคุมความปลอดภัยเป็นอย่างดี มีการพัฒนา และมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก โดยนำแนวทางการปลูกมาจากการศึกษาที่ต่างประเทศ รวมถึงยึดหลักวิชาการที่เป็นไปตามมาตรฐานกำหนดมาใช้กับโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามที่ปปส.ได้กำหนดไว้ และ อภ.เป็นต้นแบบที่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีกทั้ง อภ. เป็นส่วนสำคัญในการวางแผนทั้งเรื่องการปลูก การวิจัย ตามมาตรฐานเมดิคัลเกรด เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปแนวทางทางเดียวกันและสอดคล้องกัน และในโอกาสต่อไปทางปปส.จะทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม เพื่อจัดทำทุกอย่างให้เป็นระบบ และร่วมกันสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในการที่จะดำเนินการให้ถูกต้องทั้งในเรื่องของการปลูกและการนำไปใช้ต่อไป