กระเทาะเปลือกนางงาม "ฟ้าใส ปวีณสุดา" เคยท้อแต่ไม่ถอย เผยปมในใจโดนบูลลี่แสนสาหัส ! (มีคลิป)

2019-07-03 10:50:29

กระเทาะเปลือกนางงาม "ฟ้าใส ปวีณสุดา" เคยท้อแต่ไม่ถอย เผยปมในใจโดนบูลลี่แสนสาหัส ! (มีคลิป)

Advertisement

ผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายจนได้ดี จากที่เคยเป็นเพียงแค่นางรอง วันนี้ด้วยความมุมานะเธอจึงลุกขึ้นยืนและปีนให้สูงที่สุดถึงจุดที่ใครๆ ต่างชื่นชม กับ "ฟ้าใส ปวีณสุดา" สาวงามลุคอินเตอร์ที่เพิ่งคว้าตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2019 แต่กว่าจะมาถึงวันนี้เธอเคยเดินสายประกวดมากว่า 6 เวที วันนี้เธอพร้อมเผยปมลึกๆ ในวัยเด็กให้ทุกคนได้รับรู้ ... 



ความรู้สึกหลังได้รับมงเป็นยังไงบ้าง ?



ฟ้าใส : จริงๆ ณ ตอนนั้นหนูกรี๊ด เฮ้ย ฉันทำได้แล้ว แต่ตอนที่กำลังเดินแล้วโบกมืออยู่ก็คิดว่าเรากำลังฝันไปหรือเปล่า กลับไปถามเพื่อนข้างหลังเวที อันนี้เรื่องจริงหรือเปล่า แล้วเพื่อนก็มาหยิกเลยแล้วถามว่าเจ็บไหม ถ้าเจ็บก็คือเรื่องจริง มันเหลือเชื่อมากๆ เพราะเราฝันถึงจุดๆ นี้มานาน

พอมงลงปุ๊บก็มีเพื่อนนางงามจากทั่วโลกมาแสดงความยินดีด้วย ไปเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
ฟ้าใส : มันเหมือนเราผ่านมาหลายเวที ก็เลยมีคนรู้จักหลายๆ เวที





ความรู้สึกจากที่เราประกวดหลายเวที แล้วเวทีนี้เราประสบความสำเร็จ มันภูมิใจขนาดไหน ?
ฟ้าใส : เราย้อนกลับไปมอง ทุกความลำบากแล้วก็ทุกก้าวมันมีความหมาย และคุ้มค่ามากๆ

ทั่วโลกมองว่าคุณเป็นตัวเต็ง มิสยูนิเวิร์ส ?


ฟ้าใส : พี่พูดแบบนี้หนูก็ดีใจ ดีใจมากๆ ที่หลายคนเห็นถึงศักยภาพของเราแล้วเห็นว่าเราเป็นตัวเต็ง

ชีวิตคล้ายแคทริโอนาอยู่เหมือนกันที่ประกวดในประเทศชนะไปแพ้บนเวทีโลก แล้วต้องกลับไปประกวดเวทีในประเทศอีกครั้ง ?
ฟ้าใส : จริงๆ เหมือนกับเรามีเป้าหมายของมิสยูนิเวิร์สที่จะเป็นตัวแทนประเทศที่เราภูมิใจ แล้วเขาก็เคยไปประกวดมิสเวิลด์ในตอนนั้นแล้วก็ได้ TOP 5 หนูก็ไปประกวดตอนนั้นที่มิสเอิร์ธแล้วก็ได้ TOP เหมือนเข้าใจกันว่าเรามีเป้าหมายที่มิสยูนิเวิร์สขนาดไหน





แล้วมีคำแนะนำอะไรให้เราไหม ?
ฟ้าใส : ไม่ว่าจะเป็นนางงาม การเรียน การทำงานอะไรก็ตามถ้าเรามีเป้าหมายอะไรแล้ว แล้วมันอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในครั้งแรกที่เราลงมือทำ มันไม่ใช่เราไม่ดีพอ หรือว่าเราทำไม่ได้ แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องเจอ อย่างหนูก็ท้อมากๆ แต่ถ้าคุณมีความฝันจริงๆ คุณต้องกล้าที่จะลงมือทำ มุ่งมั่นต่อเป้าหมายและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค หนูเชื่อว่าสักวันคุณจะประสบความสำเร็จ อย่างที่หนูประสบในวันนี้

6 เวทีที่ผ่านมา ณ จุดไหนที่เหนื่อยที่สุดที่แทบจะถอดใจ ?
ฟ้าใส : มันมีความท้อไม่เหมือนกัน เพราะว่าในแต่ละเวที เวทีที่หนูหวังมากที่สุด คือเวที มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ เมื่อปี 2017 เพราะหนูตั้งใจมากๆ หลังจากที่จบนางสาวไทยกลับไปแคนาดา หนูจะต้องเรียนจบให้ได้เกียรตินิยม เพราะว่าเวทีนางงามไม่ได้ดูที่ความสวยอีกต่อไป เขาดูที่ความฉลาดด้วย แล้วสิ่งแรกที่เขาดูก็คือผลการเรียน ตอนนั้นเรารู้สึกเฟลที่เราไม่ได้ที่ 1 เราไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ แล้วเหมือนแบบ แล้วไปไหนต่อ แล้วทางกองยื่นมาว่าไปมิสเอิร์ธไหม เป็นตัวแทนประเทศไทยไหม ตอนแรกก็ไม่อยากไป แต่ในเมื่อเขาให้โอกาสมาหนูก็ทำการบ้านทุกอย่าง แล้วตอนนั้นคือเราทำเต็มที่มากๆ ในทุกวัน ถึงแม้ผลจะออกมา TOP8 แต่หนูมองย้อนกลับไป มันไม่สามารถทำได้ดีกว่านั้นแล้ว มันก็เลยไม่มีความเสียใจหรือเสียดายอะไร





แล้วก็ยังมีความมุ่งมั่นที่จะไปเวทีมิสยูนิเวิร์สให้ได้ ?
ฟ้าใส : จะบอกว่า TPN เขาประกาศชัดเจนมากๆ ว่าเขาให้โอกาสรองกลับมาประกวดใหม่ แล้วถ้าเราไม่ได้คว้าโอกาสนั่นไว้ หนูเชื่อว่าในเวลาข้างหน้าถ้าหนูย้อนกลับมาหนูจะเสียดาย แต่มันก็มีความกลัวว่าเราจะได้ไหม หนูก็ถามตัวเองว่าจริงๆ หนูจำเป็นต้องเป็นนางงามไหม มีสิ่งอื่นที่เราทำก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกลับมา

คอมเมนต์อะไรที่ทำให้เราสะดุดแล้วถอยนิดนึง ?
ฟ้าใส : มันมีหลายคอมเมนต์นะคะ อย่างเช่นคอมเมนต์เรื่องรูปร่าง ตาห่าง ตาตี๋ หนูโครงใหญ่เหมือนฝรั่งด้วย เขาก็จะบอกว่าหนูอ้วนบ้าง คือมันจะมีหลายอย่าง แต่หลังจากที่หนูประกวดมิสเอิร์ธหนูโดนบ่อยมาก คือคำศัพท์ตอนนั้นหนูไม่รู้จักแล้วหนูก็จะโดนล้อเลยสวยอย่างเดียว ไม่ได้ฉลาดนิ แล้วมาประกวดทำไม แต่มันก็เป็นบทเรียนของเราเหมือนกันว่าในครั้งต่อๆ ไป เวลาเราไปประกวดในเวทีนอกไม่ควรมั่นใจในภาษาจนเกินไป



แล้วคิดว่าจุดอ่อนของเราคืออะไร ?
ฟ้าใส : จุดอ่อนของหนูคือเวลาที่หนูตั้งใจอะไรมากเกินไป หนูจะเครียด เพราะเราอยากได้มันมาก

ถ้าสมมติว่าเราไม่ได้ มิสยูนิเวิร์ส คิดว่าจะเลิกประกวดเลยไหม ?
ฟ้าใส :
จริงๆ ก็ดูว่าอายุยังไม่เกินนะคะ



เห็นว่าตอนเด็กผ่ามปมมาเยอะมาก โดนอะไรมาบ้าง ?
ฟ้าใส : หนูเกิดและจบ ป.2 ที่เมืองไทยหลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่แคนาดา คือทุกอย่างมันแตกต่างไปหมด แล้วสิ่งแรกที่เจอคือ เขาพูดภาษาอังกฤษเราพูดภาษาไทย แต่ที่เราเป็นเด็กเราก็อยากมีเพื่อน เราก็พยายามที่จะเข้าหาเพื่อน เราก็พยามพูด แต่เราก็ไม่รู้ศัพท์ครบทุกอย่างก็พูดไทยปนอังกฤษบ้าง แต่เพื่อนๆ มองว่านี่พูดภาษาอะไร แล้วกลายเป็นว่าเราก็จะห่างจากเขา แล้วเขาก็ไม่อยากมาเล่นกับเราด้วย แล้วมันก็เรื่องภาษา หน้าตาด้วย คือตอนนั้นหนูหน้าตาไม่เหมือนใคร ไม่สามารถจับได้ว่าหนูมาจากตรงไหน

กลายเป็นโดน บูลลี่ ?
ฟ้าใส : มันก็ไม่เชิงบูลลี่ หนูไม่เคยโดนทำร้ายร่างกาย แต่มันเป็นความกดดันทางความรู้สึก อยู่ตัวคนเดียว



ช่วงนั้นร้องไห้แค่ไหน ?
ฟ้าใส : ตอนเด็กๆ หนูไม่รู้ว่าร้องไห้แค่ไหน แต่สิ่งที่จำได้คือหนูยืนมองเพื่อนตาละห้อย

มันก็กลายเป็นคนเก็บตัว ?
ฟ้าใส : มันมีหลายๆ อย่าง หนูเป็นเด็กเนิร์สธรรมดาๆ ไม่กล้าแสดงออกเท่าไหร่ เหมือนโดนแบ่งกลุ่มด้วย แต่สิ่งที่เจ็บที่สุดคือ หนูนึกว่าหนูเป็นเพื่อนกับใครคนนึง เขาก็ยิ้มแย้ม คุยกับเรา หนูก็แฮปปี้ ไอมีเพื่อนแล้ว



ในฐานะ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ วันนี้สังคมไทยโดนปัญหาบูลลี่มากมาย คุณจะมีส่วนช่วยได้ยังไง ?
ฟ้าใส : หลายๆ คนเขาคิดว่าคุณค่าของเรามันขึ้นอยู่กับสิ่งที่คนอื่นพูด จริงๆ มันไม่ใช่ มันขึ้นอยู่กับเราเองว่าเรารู้สึกโอเคไหม คือมันมีอยู่ประโยคหนึ่งที่ทำให้หนูเปลี่ยน คือ ไม่มีใครทำให้เราด้อยได้ ถ้าเราไม่ปล่อยให้เขาทำ

คลิปสัมภาษณ์ ฟ้าใส ปวีณสุดา