"อนุชา"เผยถูกกรรมการบริหาร พปชร.ใส่ร้ายป้ายสี ขู่หากไม่หยุดจะเป็นข่าวดังระดับชาติ มั่นใจ “บิ๊กตู่” รักษาสัจจะ พร้อมยอมสละตำแหน่ง แต่ขอให้ "สุริยะ" เป็นรัฐมนตรีทำประโยชน์เพื่อประชาชน
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่าวันนี้ที่ตนแถลงข่าวออกจากความคิดเห็นส่วนตัวของตนเองทั้งสิ้น ไม่มีใครแต่งเติม หรือสั่งการทั้งนั้น ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่จัดโผ ครม เทื่อ 21 มิ.ย. ซึ่งบอกกับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยมีรายชื่อตน เป็นรมช.คลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.พลังงาน ส่วนตัวไม่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะเปลี่ยนคำพูดเรื่องโผ ครม ยังคงเชื่อมั่นนายกรัฐมนตรีจะรักษาสัจจะ เพราะตนได้ตั้งใจทำงานเพื่อพรรคมาโดยตลอด ทำมาจนประสบผลสำเร็จ จนได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
นายอนุชา กล่าวต่อว่า รู้สึกเสียใจและผิดหวังที่รายชื่อ ครม.จะถูกเปลี่ยนแปลง จึงขอร้องนายกรัฐมนตรีว่าอย่าเปลี่ยนรายชื่อ ครม. โดยเฉพาะนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เนื่องจากเป็นคนเก่งและสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ขอให้นายกรัฐมนตรีทำตามที่รับปากไว้ แต่หากนายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องเลือกคนออก ขอให้เลือกตนออกเพียงคนเดียวก็น่าจะเพียงพอ พร้อมยืนยันส่วนตัวยังไม่ได้รับการติดต่อให้สลับตัวจาก รมช.คลัง ไปเป็น รมช.อุตสาหกรรม และหากจะเอาคนจากพรรคชาติพัฒนามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามที่เป็นข่าวจริงมองว่าไม่เหมาะสม เพราะได้ ส.ส. เพียง 3 คนเท่านั้น
"มีกลุ่มกรรมการบริหารพรรคบางกลุ่มพยายามรังแกพวกผม เรียกพวกผมว่ากลุ่ม 3 มิตร ทั้งที่พวกผมเป็นสมาชิกพรรคเช่นเดียวกัน โดยมีการให้ร้ายโจมตี เสนอแต่เรื่องไม่ดีไม่จริง ให้นายกรัฐมนตรีและผู้ใหญ่ได้ทราบ ขอให้หยุดการกระทำ หากยังไม่หยุดกรรมการบริหารพรรคเหล่านั้นจะเป็นข่าวดังระดับชาติ เพราะลืมไปแล้วหรือไม่ว่าได้สัญญาอะไรไว้ และขอให้นายกรัฐมนตรีออกมาดูแลลูกน้องของตนเอง พร้อมขอโทษที่สมาชิกในพรรคทะเลาะเบาะแว้งกันเอง"นายอนุชา กล่าว
นายอนุชา ย้ำด้วยว่า มีเจ้าของสื่อที่อยู่ในพรรค โจมตีทำร้ายตนเอง ทั้งที่เป็นเจ้าของสื่อแต่ใช้เป็นเครื่องมือในการทำร้ายคนในพรรคตัวเอง สำคัญตัวเองว่าเป็นคนสำคัญของนายกรัฐมนตรีและไม่ให้เกียรติคนร่วมงาน ตนเองไม่เคยใส่กระโปรงไปแอบแทงข้างหลังใคร อย่างไรก็ตามส่วนตัวจะไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น แต่หากฝั่งกรรมการบริหารพรรคที่ใส่ร้ายป้ายสีตนขอเจรจาก็พร้อมทั้งนี้ขอโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ ซึ่งมองว่าการบริหารงานภายในพรรคขณะนี้ยากกว่าการบริหารเสียงปริ่มน้ำ และยืนยันจะมีการตั้งโต้ะแถลงข่าวให้สื่อทุกวันถ้ายังไม่หยุดการกระทำ อย่างไรก็ตามหากนายกรัฐมนตรีไม่ทบทวนรายชื่อ ครม.อีกครั้ง การเมืองจะเดินหน้าต่อไปด้วยความยากลำบาก และคงต้องทบทวนการบริหารจัดการในพรรค