“ครูณัฐ”อำมหิตบังคับเด็กจับขึง “น้องชายแดน”ไฟแช็กลนอวัยวะเพศ

2019-06-21 11:55:57

“ครูณัฐ”อำมหิตบังคับเด็กจับขึง “น้องชายแดน”ไฟแช็กลนอวัยวะเพศ

Advertisement

แฉพฤติกรรม "ครูณัฐ" สุดอำมหิต บังคับเด็กจับขึง "น้องชายแดน" จุดไฟแช็คลนอวัยวะเพศต่อหน้าเพื่อนๆ ทั้งที่ไม่เต็มใจ หากไม่ร่วมมือจะถูกหาเรื่องทำร้าย ชี้ที่ผ่านมามีการใช้ความรุนแรงกับเด็กนักเรียนที่มาเก็บตัวเพื่อศึกษาอยู่ตลอด

จากกรณีพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ดำเนินคดีกับ 3 ผู้ต้องหาคดีร่วมกันทำร้าย ด.ช.ฐปกร ทรัพย์สิน หรือ น้องชายแดน อายุ 14 ปี จนถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีนี้มีผู้ต้องหา 3 ราย คือ นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ เจ้าของสถาบันกวดวิชา เตรียมทหารบ้านครูพี่ณัฐ ภรรยา และ แม่ยาย โดยทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ และขณะนี้ยังคงถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำจังหวัดนครสวรรค์

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์เรียกประชุมทีมสืบสวน โดยนำเอาหลักฐานไม้เบสบอลทั้งหมด 8 ไม้ ที่ค้นพบบริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำปิง พื้นที่ ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ นำไปส่งตรวจพิสูจน์ ซึ่งพนักงานสอบสวนนำมาประกอบสำนวนน่าจะเป็นหลักฐานสำคัญในคดีนี้ด้วย โดยไม้เบสบอลทั้งหมดนี้มีรายงานจากแหล่งข่าวว่ามีการนำไปทิ้งถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกหลังจากที่มีการทำร้ายน้องชายแดนจนหัวแตก แขนหักแล้ว นายณัฐพลจึงมีการนำไม้ที่ใช้ในการทำร้ายไปทิ้งก่อน 4 อัน จนกระทั่งเกิดการทำร้ายน้องชายแดนอีกครั้ง โดยครั้งนี้รุนแรงจนเกิดข่าวน้องชายแดนเสียชีวิต และตัวนายณัฐพลซึ่งเป็นเจ้าของสถาบันเข้าไปมีส่วนพัวพัน จึงมีการให้เด็กชายที่เป็นนักเรียนคนสนิทนำไม้เบสบอลที่เหลือทั้งไม้ที่ใช้ตีและไม้ที่ยังใหม่ไม่ได้ใช้นำไปทิ้งเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด โดยมีนายณัฐพลเป็นผู้ขับรถพาไปทิ้งบริเวณใต้สะพานแม่น้ำปิง หมู่ที่ 1 ต.วัดไทรย์ อ.เมือง นครสวรรรค์ ซึ่งเป็นจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิดและไม่มีบ้านคนพักอาศัยอยู่ในระแวกนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ซึ่งการที่นายณัฐพลต้องนำไม้เบสบอลที่มีอยู่ในบ้านทั้งหมดเอาไปทิ้งนั้น เนื่องเจ้าตัวพอจะรู้หลักการทำงานสืบสวนสอบสวนของตำรวจมาบ้าง คือหากเก็บไม้เบสบอลเอาไว้จะเป็นหลักฐานที่จะสามารถเชื่อมโยงไปถึงประเด็นการใช้ความรุนแรงในสถาบันได้จึงต้องทำรายหลักฐานสำคัญดังกล่าว แต่สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ชุดค้นหาก็ติดตามหาวัตถุพยานสำคัญจนพบ พร้อมกับมีหลักฐานเป็นป้ายชื่อนายณัฐพลติดไว้ที่ถุงห่อไม้เบสบอลด้วย

จากการเปิดเผยข้อมูลของแหล่งข่าวบอกว่า ในส่วนประเด็นร่องรอยอวัยวะที่มีรอยไหม้นั้นเป็นการสั่งการจากนายณัฐพลไปยังเด็กชายลูกสมุนระดับหัวหน้าให้ไปบังคับให้เพื่อนนักเรียนที่เรียนอยู่ด้วยกันร่วมกันจับขึงน้องชายแดนไม่ให้ดิ้นหลบหนี จากนั้นจึงมีการจุดไฟแช็คลนเข้าไปที่อวัยวะเพศต่อหน้าเพื่อนๆที่ร่วมจับน้องชายแดนขึ้น ทั้งที่ไม่เต็มใจจะร่วมกันทำแต่เพราะโดนบังคับ หากไม่ร่วมมือก็จะถูกหาเรื่องรุมทำร้าย ซึ่งสถาบันกวดวิชาเตรียมทหารแห่งนี้ มีการใช้ความรุนแรงกับเด็กนักเรียนที่มาเก็บตัวเพื่อศึกษาอยู่ตลอด และตัวน้องชายแดนนั้นไม่ได้แค่ถูกทำร้ายอย่างรุนแรง 2 ครั้งจนกระทั่ง ตกเป็นข่าวเพียงเท่านั้น เพราะถูกกระทำมานานหลายครั้งแล้ว

ที่ผ่านมาแก๊งหัวโจกรวมถึงเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ มักจะถูกนายณัฐพลข่มขู่ต่างๆนานา เพื่อไม่ให้นำเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสถาบันไปบอกใคร จนทำให้เด็กเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าให้การตำรวจ แต่สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนคดืได้เกลี้ยกล่อมเด็กที่เป็นพยานทั้งหมด จนยอมเปิดปากนำมาสู่การออกหมายจับและดำเนินคดีครอบครัวครูโรงเรียนกวดวิชาโหดในครั้งนี้ ซึ่งทั้งนักเรียนหัวโจกและเด็กนักเรียนที่อยู่ร่วมในสถาบันเด็กกันจะถูกกันไว้เป็นพยานในคดีนี้ทั้งหมด

ขณะที่นายอรรถพร สีหวิชัย ผวจ.นครสวรรค์ ได้กำชับทุกพื้นที่และทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบห้ามมีโรงเรียนเถื่อเกิดขึ้นอีก ส่วนสถาบันกวดวิชา บ้านพี่ณัฐที่เป็นข่าวนั้นในขณะนี้ทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สภ.เมืองนครสวรรค์ไว้แล้ว ส่วนบทลงโทษโรงเรียนเถื่อนมีทั้งโทษจำและปรับอันเป็นโทษทางอาญา ซึ่งหากผู้เปิดโรงเรียนเถื่อนเป็นข้าราชการด้วย ก็จะมีโทษทางวินัย และหากเป็นข้าราชการครูก็จะมีผลถึงยึดใบประกอบวิชาชีพครูเลยทีเดียว ทั้งนี้เคยมีหนังสือเวียนแจ้งข้าราชการครูในสังกัดให้ทราบแล้วว่าการปิดสอนเองที่มีผู้เรียนเกิน 7 คน (นับทุกรอบ) มีความผิดตามกฎหมายและไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ รวมถึงภาษีป้ายด้วย