ฟังความอีกด้าน ลูกสาวบุญธรรมของ "ศิริพร อำไพพงษ์" แฉผู้หญิงอักษรย่อ "ล"เปย์เงิน เปย์ความเป็นอยู่ที่เลิศหรูให้ แล้วกันคนใกล้ชิดออกไปจากชีวิต วางแผนเรื่องชู้สาวกล่อมและเป่าหูทุกวัน สร้างความเชื่อมั่นว่ารวยโคตรๆ จากนั้นจะสั่งขายบ้าน ขายกิจการ ขายทรัพย์สินแปรเปลี่ยนแปลงเป็นเงิน นี่คือแผนที่เข้ามาทำลายครอบครัว ขนาดรูปคู่สามีภรรยาก็ยังสั่งปลดเอาออก แล้วเอารูปของเธอคู่กันติดแทนที่ ใครของปลอมเดี๋ยวก็รู้
กลายเป็นดราม่าร้อนแรงแซงทุกเรื่องราว กรณี "พี่นาง" ศิริพร อำไพพงษ์ ประกาศปิดสถานเสริมความงาม ซึ่งเป็นชื่อจดทะเบียนของตนเอง และปล่อยคลิปออกมายืนยันว่า ตนเองไม่ได้ทำธุรกิจ สถานเสริมความงาม พรนิต้าคลินิกเวชกรรม อีกแล้ว แล้วหากใครไปแอบอ้างทำ ก็ไม่ใช่ของพี่นาง ศิริพร แล้ว เพราะเจ้าตัวได้ไปแจ้งสาธารณสุข ปิดมาแล้วเรียบร้อย พร้อมกับแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับทางตำรวจ เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อไปใช้ซึ่งดราม่าในเรื่องนี้มีการโยงกับลูกบุญธรรมของพี่นางซึ่งไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่มาลองฟังความอีกด้าน
โดยเฟซบุ๊ก "อรนภาดวงดี" ลูกบุญธรรมของพี่นางได้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.61 วันแกรนด์โอเพนนิ่งเปิดกิจการซึ่งเป็นเวลาผ่านมาเกือบปี วันนั้นแม่ได้พูดไว้ว่า ”แม่ให้หนูดูแลกิจการและขอให้เจริญรุ่งเรืองนะลูก” นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หนูก็ปฏิบัติตามที่แม่สั่งไม่ให้ขาดตกบกพร่อง หนูดูแลลูกค้า หาลูกค้า เพื่อให้มีรายได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้ทั้งหมดหักค่าใช้จ่ายเหลือแล้ว หนูได้ทำการโอนเงินเข้าบัญชีแม่ทั้งหมด
อยู่มาวันหนึ่งแม่มีคนเข้ามาในชีวิต ใหม่ของแม่ แล้วแม่ก็ทิ้งพวกหนูไป ให้เผชิญชีวิตคิดเองทำเองไปตามยถากรรม พ่อซึ่งป่วยเป็นมะเร็งระยะที่ 4 วิ่งเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หลาน2คน 8-9ขวบที่แม่เคยรัก ก็เฝ้าถามหา หนูก็ไม่รู้จะตอบคำถามกับหลานยังไง ว่าแม่ไปไหน
แม่ทิ้งพวกหนูไว้ แม่ไม่เคยกลับมานอนบ้าน แม่มีความสุขแม่มีคนเคียงข้าง หนูก็ได้แต่เฝ้ามองว่าสักวันแม่จะกลับมา หนูสงสารพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะที่4 หนูสงสารหลานที่ยังเล็กต้องไปโรงเรียน หนูรู้ว่าชีวิตที่ดำเนินอยู่จะต้องมีค่าใช้จ่ายหนูก็สู้ไม่ถอย แต่มาวันนี้หนูเห็นและทราบดีแล้วว่าแม่คงไม่กลับมาอีกแล้ว
ส่วนกิจการที่แม่แจ้งว่ายกเลิก 31 พ.ค.62 หนูไม่ทราบ หนูพึ่งทราบเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.62 วันที่แม่โพสต์ให้เห็น ซึ่งระหว่างก่อนหน้านั้นหนูยึดมั่นในคำพูดของแม่ที่พูดกับหนูว่าให้ดูแลกิจการ ทุกสิ่งที่หนูกล่าวสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นจริงทุกประการ
ล่าสุดเฟซบุ๊ก "อรนภาดวงดี"โพสต์ข้อความระบุว่า ผู้หญิงคนนั้น???ชื่อเล่น “ล” เมื่อ8เดือนที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนี้ เดินเข้ามาในคราบของเศรษฐีนักบุญเริ่มต้นจากการโอนเงินร่วมทำบุญ100,000บาท ในนามชื่อเธอและบริษัทเพื่อร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน และร่วมเป็นเจ้าภาพบวชพระ หลังจากนั้นเธอก็ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม รวมถึงเสื้อผ้าแบรนด์เนมให้เปลี่ยนใหม่ให้ทั้งตู้ ทำให้การแต่งตัวเปลี่ยนไปจากเดิม โทรศัพท์คุยกันทั้งวันทั้งคืนจนดึกดื่น หลังจากนั้นก็ชวนไปอยู่อาศัยบ้านเดียวกันกับเธอ เธอเอาใจสารพัดทุ่มเทซื้อเพชรให้ ให้เงินใช้จ่ายพาไปดูเงินสดในกระเป๋า200 ล้านที่ผู้หญิงคนนี้เก็บไว้ที่บ้านอีกหลังหนึ่งพาไปเที่ยวญี่ปุ่น หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาจากการทำบุญ และใช้วิธีเปย์เงิน เปย์ความเป็นอยู่ที่เลิศหรูให้แล้ว เธอก็จะกันคนใกล้ชิด ให้ออกไปจากชีวิต
จะต้องมีแค่เธอผู้หญิงคนนี้เท่านั้น เธอเป่าหูให้ร้าย เสี่ยมเสียเรื่องชู้สาว ขณะที่เธอพาไปอยู่บ้านของเธอ ไม่ว่าจะไปไหนผู้หญิงคนนี้จะติดตามไปด้วยตลอดนั่งตรงไหน เธอก็จะต้องนั่งเบียดตัวชิดติดกันทุกเวลาทุกสถานที่ หากใครเห็นก็คงมองเหมือน “คู่รัก”
ผู้หญิงคนนี้ เธอสร้างฝันจะชักชวนไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ !!ล่าสุดทุ่มทุนจัดปาร์ตี้วันเกิด แผนของผู้หญิงคนนี้ ที่อ้างว่ารวยล้นฟ้า ปรนเปรอทุกสิ่งทุกอย่าง นำเงินมาทำบุญโดยไม่เคยเอาใบอนุโมทนาบัตรไปใช้ลดหย่อนภาษีกับบริษัทที่เธออ้าง ..และ.. แผนสุดท้ายของผู้หญิงคนนี้คือ ยุให้ขายบ้าน ยุให้ขายกิจการเพื่อจะได้ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ทุกอย่างประกอบกันไปหมดกับสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้วางแผนเรื่องชู้สาวกล่อมและเป่าหูทุกวัน และสร้างความเชื่อมั่นว่าเธอรวยโคตรๆ มันก็ถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงคนนี้ จะสั่งให้ขายบ้าน จะสั่งให้ขายกิจการ จะสั่งให้ขายทรัพย์สินแปรเปลี่ยนแปลงเป็นเงิน นี่คือแผนของผู้หญิงคนนั้นที่เข้ามาทำลายครอบครัว และสุดท้ายแล้วก็คือให้ขายทุกสิ่งทุกอย่าง
**หากคุณเป็นติ่ง เป็นแฟนคลับจริง เป็นห่วงจริง คุณลองหันไปมองผู้หญิงคนนั้นเถอะ ขนาดรูปคู่สามีภรรยา ก็ยังสั่งปลดเอาออก แล้วเอารูปของเธอคู่กันติดแทนที่ นี่คือผู้หญิง??? ที่เข้ามาจากการทำบุญและทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปใครของจริง ใครของปลอมเดี๋ยวก็รู้ หรือไม่ไปไล่เช็คประวัติของผู้หญิงคนนั้นเอาก็ได้ หรือเช็คจากบริษัทที่เธอกล่าวอ้างเวลานำเงินมาทำบุญก็ได้ ว่าผู้หญิงคนนี้ มีอยู่ในบริษัทฯนั้นจริงหรือไม่!!!
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : อรนภา ดวงดี