เปลือยชีวิตรักสุดโลดโผน “ธงธง มกจ๊ก” เจ็บหนักคบแฟนหนุ่มเป็น 10 ปี ทุ่มจนได้ขึ้นแท่นสายเปย์ แต่ดันถูกนอกใจเป็นการตอบแทน
อีกหนึ่งคนที่สร้างสีสันและเสียงหัวเราะให้วงการบันเทิงอยู่ไม่น้อย สำหรับนักแสดงสายฮา “ธงธง มกจ๊ก” ที่เจ้าตัวนั้นถือได้ว่าโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมานาน และเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในด้านการแสดงจนมีผู้คนรู้จักกันอย่างล้นหลาม แต่เมื่อพูดถึงเรื่องความรักของธงธงแล้วนั้น เรียกได้ว่าไม่ปังเหมือนชื่อเสียงเลยก็ว่าได้
ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้มานั่งเปิดใจในรายการ “คุยแซ่บ SHOW” ถึงเส้นทางรักที่ถึงทางตันของเจ้าตัว งานนี้ธงธง ก็ได้เผยว่า…
เห็นว่าความรักโลดโผนมาก แต่ไม่เห็นพี่พูดถึงเรื่องความรัก เพราะอะไร ?
“พี่อยากให้โฟกัสเรื่องงานมากกว่า มันดูเหมือนจะไม่ได้อะไรหรือเปล่า ความรักของสาวประเภทสองแบบนี้มันมีประโยชน์ในแง่ไหนได้บ้าง แล้วมานั่งทบทวนเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในชีวิต ก็ปะติดปะต่อให้ได้ประโยชน์กับคนที่ดูรายการอยู่ตอนนี้ มันอาจจะมีโลดโผน มีเศร้า มีทุกอย่าง มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เป็นประสบการณ์ความรักจริง และได้แง่คิดกับตัวเอง”
ขออนุญาตไล่เรียงไปตั้งแต่คนแรก ?
“คนแรกเกิดขึ้นตอน 3 ขวบ เขาเป็นเด็กผู้ชายข้างบ้าน เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนพี่สาวเรา เขาเป็นผู้ชายอบอุ่น หน้าตี๋ขายยาเส้น ถามว่ารักครั้งแรกจบได้ยังไง คือพอโตก็ห่างกันไปเอง 5 - 6 ขวบก็ห่างแล้ว พอเราเข้า ป.1 ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน”
ชาวไทย หนุ่มตี๋ ไม่สามารถชนะหัวใจได้ คนที่ชนะหัวใจคนต่อไปเป็นชาวต่างชาติ ?
“จริงๆ ชื่อว่าเหยิน เป็นชาวเดนมาร์ก ตอนนั้นอายุ 20 ต้นๆ เราเรียนจบอนุปริญญา แล้วไปเยี่ยมหลานที่เมืองนอกก็ไปเจอเขา แล้วคนที่เดนมาร์กผู้ชายกับผู้ชายแต่งงานกันได้ เราก็เลยอยากไปเที่ยวประเทศนี้ พอไปเจอเขา เราก็คุยภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง คุยผ่านพี่สะใภ้ตลอด เขาจีบเราก็ต้องจีบผ่านพี่สะใภ้ คือเขาชอบ เขาก็บอกว่าเขาชอบ แล้วเขาโรแมนติกมากตั้งแต่เคยมีแฟนมา
รู้สึกว่าเขาเป็นรักแรกที่อิ่มเอม แล้วรู้สึกว่าประทับใจ แต่เราคบกันแค่ 3 เดือน เพราะวีซ่าเราหมดต้องกลับ ซึ่งตอนนั้นพอเราบอกว่าจะแต่งงานกับเขาเพื่อจะได้อยู่เดนมาร์ก แต่พี่สาวของเขาบอกว่าเพิ่งคบกัน มันแต่งงานกันไม่ได้ ต้องมีระยะเวลามากกว่านี้ เราก็ต้องกลับก่อน เชื่อใจเขา พอกลับมาโทรศัพท์คุยกันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เราพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ มันก็เลยต้องเลิกกันทั้งที่ยังรักเขาอยู่ เสียใจมาก รู้สึกว่าครั้งนั้นอกหักเป็นยังไงรู้จักเลย”
พอคนที่ 2 จบลงนานไหมกว่าจะเจอคนที่ 3 ?
“นานอยู่ แล้วมาเจอคนที่ 3 ตอนนั้นเพิ่งเข้าวงการ ตอนนั้นเล่นก่อนบ่ายคลายเครียด เราเล่นเป็นคุณอ้อ กฤติกา ซึ่งคนที่คบกันนานคือ คุณเอ็ม เขาจะเป็นคนที่เขียนจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับคุณอ้อ แล้วมาถ่ายทอดให้เรา ซึ่งเขาไม่ได้อยู่ในวงการ เขาเป็นเพื่อนเรา เข้าสร้างคาแรกเตอร์ให้เรา เราก็เลยดังจากตรงนั้น เขาอยู่เบื้องหลังจริงๆ คนนี้คบนานเลยคบได้ 10 ปี ถามว่าทำไมเลิก คือมันเริ่มอยู่ด้วยกันนานๆ มันกลายเป็นเพื่อน มันก็ไม่มีสวีตหวาน แล้วเราเป็นคนที่เปย์ผู้ชายมาก เขาอยากได้อะไรก็ให้ทุกอย่าง คือให้บัตรเอทีเอ็มไว้ อยากใช้อะไรใช้เลย แต่วันๆ นึงผู้ชายก็ซื้อแต่เกม เขาอยากไปเช่าคอนโดฯ แถวมหาวิทยาลัยก็ไปเช่าให้เขา
แล้วเวลาเราถ่ายละครเสร็จจะไปพักไม่ให้พัก เขารู้สึกว่านี่เป็นคอนโดฯ ที่อยู่คนเดียวไม่อยากให้ใครอยู่ แม้เราที่เป็นคนเช่าให้ เราก็ต้องกลับบ้านนอนบ้าน ซึ่งมีคนจับได้ว่าเขานอกใจเรา เขามาบอกเรา เขาอยู่คอนโดฯ เดียวกัน มาบอกว่าพี่ธงถ้าผมจะบอกว่าแฟนพี่นอกใจพี่ พี่จะเชื่อไหม เราบอกไม่เชื่อ เพราะเขาไม่ค่อยคุยกับใคร เขามีเราคนเดียว เราไม่เชื่อว่าเขาจะนอกใจได้ รักแล้วรักเลย ต่อให้ใครพูดยังไงก็ไม่เชื่อ
จนในที่สุดไปเห็นด้วยตาตัวเอง เราไปที่ห้องแล้วเขาไม่อยู่ เราก็โทร.หาเป็นร้อยๆ สายไม่รับ แสดงว่าเขานอกใจแล้ว เรารู้ได้ด้วยตัวเอง ไปเปิดกล้องวงจรปิดดูเจอว่าเคยมีคนมา พอรุ่งขึ้นเขากลับบ้านตบหน้าเขาจนเลือดออก แล้วเขาไม่เอาคืน เขาร้องไห้อย่างเดียว เราก็เลิกกันเลย แล้วเป็นคนที่พอเลิกก็ไม่อยากเอาคืนอีก รู้สึกว่าถ้าเอาคืนอีกมันจะกลายเป็นความระแวงแล้วไม่แฮปปี้ที่จะมีความรักต่อ”
แล้วคราวนี้ปิดประตูเลยไหม ?
“ยังไม่ปิด ยังมีมาอีกคนที่เคยเป็นข่าวแล้วคนรอบตัวเราคัดค้านมาก เราเสียความเป็นส่วนตัวนะ ทุ่มเทเกินไป โน่นนี่นั่น เราไม่ฟังใครเห็นแก่ตัวมาก เรามีความรู้สึกว่าเราชอบ เรารักคนนี้ ความรักทำให้คนตาบอดคือเรื่องจริง ทุกคนบอกว่าเราเปลี่ยนไป คนรอบข้างไม่เท่าไหร่ นี่เป็นหลาน เป็นเพื่อน ญาติพี่น้อง ทุกคนบอก แต่มีอยู่คนนึงที่ไม่เคยห้ามเลย อยากให้เรามีความรักตลอดเวลา อยากให้เรามีความสุขคือแม่"
จุดที่พีคที่สุดในชีวิตก็คือ วันนั้นเรารู้สึกว่าเหนื่อยมากกับการทำงาน เสร็จก็ต้องไปเทคแคร์ดูแลครอบครัวของแฟนโดยการพาไปโน่น ไปนี่ ซึ่งลืมแม่เราไป ไม่มีเวลาให้แม่เรา ป้าของแฟนป่วย วิ่งเต้นหาโรงพยาบาลให้ไปเฝ้า กลับบ้านเที่ยงคืนตี 1 แม่หลับแล้ว ไม่เคยเจอแม่เลย แล้ววันนั้นพีคที่สุดคือกลับมาถึง 3 ทุ่มแม่ล้ม เราก็ถามว่าทำไมแม่ถึงล้ม แม่ล้มเพราะว่าแม่ตำน้ำพริก เป็นน้ำพริกเผาเพื่อให้เราเอาไปให้เขา
คือแม่ก็พยายามช่วย เราเห็นในความพยายามแม่ก็รู้สึกว่า เฮ้ย… มันใช่เหรอ ไปดูแลป้าเขา แม่เขา แล้วแม่เราล่ะ ปล่อยผู้หญิงคนนึงที่ไม่เคยเรียกร้อง แล้วเห็นดีเห็นงามที่จะให้ลูกมีความรัก แต่ทิ้งเขาไป จนในที่สุดมีความรู้สึกว่าถ้ารักแล้วมันเหนื่อย ไม่เอาแล้ว หนูจะไม่รักเขาอีกแล้ว พอเห็นแม่ล้มเราก็เลยตัดสินใจได้ว่าคงต้องเลิก ก็เลยกลับมาเพื่อจะอยู่กับแม่ดีกว่า ความรักที่ได้จากแม่เรารู้สึกว่ามันคุ้มค่ากว่า มันเป็นไปได้จริง มีคุณค่าจริง ครอบครัวมีความสุข เรามีความสุข มันก็แฮปปี้ ดีกว่าเราไปมีความสุขคนเดียวแล้วทิ้งคนอื่น”
คนนี้คือหลังจากคนที่ไปเช่าคอนโดฯ ให้ แล้วเปย์อีกไหม ? “คนนี้ไม่ได้เปย์ เพราะบ้านเขารวยอยู่แล้ว” แล้ววันนั้นที่คุณแม่ล้ม เขาพูดอะไรกับพี่ ทำให้พี่คิดได้หรือพี่คิดได้เอง ? "คือพี่เหนื่อยก่อน เหนื่อยที่จะต้องไปดูสองครอบครัว มันเหนื่อย มันท้อ มันเหนื่อยกับงาน แล้วกลายเป็นว่าเขาโยนภาระมา เราก็คอยสานต่อ แล้วมันก็ท้อกับตัวเอง แล้วรู้สึกว่าถ้ามีความรักแล้วมันเหนื่อยก็ไม่ต้องมีละ ขออยู่กับตรงนี้" ที่บอกว่าเหนื่อย เหนื่อยขนาดไหน ? “เหนื่อยมาก เหนื่อยการทำงาน เหนื่อยการดูแล แล้วไม่ได้ดูแลแค่เขา เราเป็นคนเปย์นะ ทุ่มสุดตัว ไปดูแลฝั่งนู้นด้วยบางส่วน แล้วมีความรู้สึกว่าอยากดูแลครอบครัวเขาด้วย ซึ่งเราไม่เห็นได้อะไรกลับมา” สำหรับความรักครั้งนี้ กับการเปย์ให้คนรอบข้างเสียไปกี่ล้าน ? “ไม่เคยคำนวณ ถามว่าเยอะไหมก็พอได้” ตอนนี้ก็ได้กลับมาดูแลคุณแม่เต็มที่ มีพี่ชายด้วย ? “ใช่พี่ชายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เป็นเบาหวานทั้งบ้าน คุณแม่เป็นพาร์กินสัน พอล้มก็เริ่มเดินไม่ได้ ปอดติดเชื้อบ่อย กินอาหารไม่ได้หมอก็ให้เลือกว่าเราจะเจาะคอหรือเจาะท้อง เราก็เลยเลือกที่จะเจาะท้อง เพราะอยากให้แม่คุยกับเราได้ แล้วแม่ก็ให้อาหารทางสายยางแล้วกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ล่าสุดพี่ชายเป็นเบาหวาน บอกให้เลิกสูบบุหรี่นะ ไม่งั้นจะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เหมือนคุณพ่อ แล้วถามว่าใครเลี้ยงก็ต้องเป็นเรา เพราะเขาไม่มีลูกมีเมีย" แล้วตอนนี้พี่ดูแลใครบ้าง ? “แม่ พี่ชาย แล้วก็หลานที่เป็นลูกของพี่สาวพี่ที่เสียชีวิตไป ซึ่งหลานแต่งงานไปแล้วเลิกกับแฟน พี่ก็เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวให้เขา แล้วก็ดูแลแม่ของพี่เขย พี่สาวเรามีสามี พี่เขยเสียชีวิตแล้วเราก็ดูแลบ้านฝั่งนู้น แล้วดูแลคนที่ชื่อเอ็ม พี่ก็ดูแลครอบครัวเขา เราผูกพันกับแม่เขา” ขอบคุณรูปจากอินสตาแกรม: @thong_thong