ดราม่าภาพเก่า "ช่อ" ระอุ "สกลธี" จวกยับอย่าแถเฉไฉไปเรื่องอื่นมันน่าสมเพช กล้าทำก็กล้ารับแล้วทีหลังก็คิดเยอะๆ ก่อนทำ
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีคนนำภาพเก่าของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อโฆษกพรรคอนาคตใหม่ มาโจมตีซึ่งช่อ ได้โพสต์ข้อความชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich ว่า ทำไมภาพนั้น “ไม่ควรมีคำบรรยาย?” เมื่อวานมีเพจเฟซบุ๊กที่ทำงานปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารทางจิตวิทยา (หรือที่เรียกกันว่า เพจ IO) ให้แก่ คสช. กับสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง นำภาพที่ช่อถ่ายเล่นๆ กับเพื่อนในช่วงรับปริญญาที่จุฬาฯ เมื่อปี 2553 มาโจมตีช่ออย่างรุนแรงโดยพยายามเชื่อมโยงกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์
ช่อขออธิบายดังนี้ว่า ตอนนั้นเป็นยุคหลังรัฐประหาร 2549 และมีกระแสการกล่าวหาผู้คนว่าไม่จงรักภักดีเกิดขึ้นไปทั่วทั้งในโลกอินเทอร์เน็ตและในโลกแห่งความเป็นจริง ช่อกับเพื่อนๆ เติบโตมาในบรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองเช่นนี้
พวกเราในฐานะนักเรียนรัฐศาสตร์ก็เฝ้าติดตามปรากฏการณ์เหล่านี้ด้วยความกังวลอย่างมาก บ่อยครั้งการนำเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้โจมตีทางการเมือง แบ่งฝักฝ่ายในหมู่ประชาชนให้เกลียดชังกัน หรือบานปลายไปถึงขั้นล่าแม่มดกัน ก็กลายเป็นความขื่นขันตลกร้าย
หลังรัฐประหาร 2549 เป็นเรื่องง่ายมากที่คนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารจะถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี และเป็นเรื่องง่ายมากที่จะจัดการใครให้ติดคุกเพียงมีคนชี้หน้าเขาว่าไม่จงรักภักดี
การสร้างความเกลียดชังแบบนี้ก่อให้เกิดคำถามมากมายในหัวของคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่เติบโตมาในยุคหลังรัฐประหาร กระทั่งบางครั้งกลายเป็นสิ่งที่เรานำมาคุยล้อกันเพื่อสะท้อนความขื่นขันในโศกนาฏกรรมทางการเมืองของไทย นี่คือ “ข้างหลังภาพ” ที่บอกว่า “ไม่ควรมีคำบรรยาย” เราจะบรรยายอย่างไรได้บ้างในยุคสมัยที่วันหนึ่งอาจมีคนมาชี้หน้ากล่าวหาว่าคุณมันไม่จงรักภักดี และดังนั้น คุณต้องติดคุกหรือออกจากประเทศนี้ไป
ช่อยอมรับว่าภาพการประชดล้อเลียนกระแสความเกลียดชังจากการล่าแม่มดของนิสิตนักศึกษาจำนวนมาก รวมถึงภาพๆ นี้ ดูไม่เหมาะสม และต้องขออภัยอย่างสูงต่อประชาชนที่เห็นภาพนี้แล้วเกิดความไม่สบายใจ แต่สิ่งที่ช่ออยากให้ทุกท่านตระหนักเช่นกัน คือสังคมการเมืองไทยกำลังทำให้คนหนุ่มสาวในรอบสิบกว่าปีมานี้เติบโตมาพร้อมคำถามมากมายกับการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายล้างกัน
ช่อและเพื่อนๆ เชื่อในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พวกเราอยากเห็นระบบรัฐสภาที่ยึดโยงกับเสียงของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และมีสถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่กับระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคง ไม่ใช่การเมืองที่แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้รัฐประหารและทำลายล้างคู่แข่งทางการเมืองกันบ่อยครั้ง
วันนี้ช่อไม่ใช่นิสิตแล้ว แต่เป็นนักการเมือง เวลาผ่านไปเกือบทศวรรษ ทว่าสภาพการเมืองไทยก็แทบไม่เปลี่ยนไปเลย ขอร้องเถอะค่ะ ว่าอย่านำประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์มาโจมตีกันทางการเมืองอีกเลย รวมถึงขอร้องให้ผู้ที่ตามขุดคุ้ยเพื่อนของช่อทุกคนในรูป ยุติการกระทำดังกล่าว อย่าให้พวกเขาเดือดร้อนเพียงเพราะเป็นเพื่อนของนักการเมืองคนหนึ่ง
คำขอร้องนี้ไม่ใช่เพื่อตัวช่อเอง แต่เพื่ออนาคตที่มั่นคงยั่งยืนของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งหลายคนมักนำสถานะของสถาบันฯ มารับใช้ตัวเอง เพียงเพื่อหวังทำลายล้างศัตรูทางการเมืองของตน โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนทางการเมืองที่ต้องสูญเสียไป
ด้านนายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯกทม. โพสต์เฟซบุ๊ก "สกลธี ภัททิยกุล" ระะบุว่า ผมว่าคนเค้าไม่ได้จงใจกลั่นแกล้งหรือโจมตีช่อเรื่องสถาบันหรือจะล่าแม่ม๊งแม่มดอะไรตามที่ช่อได้โพสต์บรรยายหรอกนะครับ แต่สิ่งที่ช่อกับเพื่อนทำที่คนเค้าโกรธแค้นและส่งต่อกันมากมายในโลกออนไลน์อยู่ตอนนี้ ผมว่าเด็กประถมเห็นภาพก็รู้ว่าช่อกับเพื่อนต้องการจะสื่ออะไร ถ้าช่อหรือใครก็ตามจะไม่รักหรือเทิดทูนเหมือนคนอีกหลายล้านคนในประเทศไทยเค้ารักและเทิดทูนแต่เลือกเก็บไว้ในใจไม่มีใครว่าหรอกครับ แต่แสดงออกมาแบบนี้แล้วจะมาคาดหวังให้คนที่รัก เคารพและเทิดทูนเค้าอยู่เฉยๆ คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ คนที่เค้าเกิดและโตทันเค้าเห็นครับว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงทำสิ่งดีๆ มากมายให้กับประเทศไทย อย่าแถเฉไฉไปเรื่องอื่นเลยครับมันน่าสมเพช กล้าทำก็กล้ารับแล้วทีหลังก็คิดเยอะๆ ก่อนทำครับ
ทั้งนี้ท้ายโพสต์นายสกลธีโพสต์ภาพสตรอว์เบอร์รี พร้อมติดแฮชแท็ก #มาทั้งฟาร์มเลยจ้า
ขอบคุณเฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich,สกลธี ภัททิยกุล