พปชร.จ่อดัน ก.ม.อากาศสะอาดแก้ฝุ่นพิษ

2019-06-09 20:05:01

พปชร.จ่อดัน ก.ม.อากาศสะอาดแก้ฝุ่นพิษ

Advertisement

พปชร.จ่อดัน ก.ม.อากาศสะอาดแก้ฝุ่นพิษ ยกระดับมาตรฐานอากาศในประเทศไทย



เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงความคืบหน้าของพรรคในการร่วมทำงานขับเคลื่อนกับผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการของไทย และอาสาสมัครในภาคเหนือ ในการแก้ไขปัญหาหมอกควันและ PM2.5 ว่า จากการหารือกับทุกฝ่าย จะได้เตรียมแผนงานสำคัญไว้อย่างน้อย 4 ด้าน คือ 1.การพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ 2.การออกกฏหมายอากาศสะอาด หรือ Clean Air Act 3.การพัฒนาระบบติดตาม 4.การวางระบบเพื่อลดการเผาป่าและไร่ข้าวโพด ซึ่งจากสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ ป่าเขียวขจี น้ำใส ดินสะอาด อากาศบริสุทธิ์ นับวันยิ่งกลายเป็นเพียงภาพในอดีต ปัจจุบัน ไม่ว่าจะมองไปที่ไหน ก็เห็นแต่ป่าหัวโล้นเสื่อมโทรม น้ำเน่าเสีย ดินเสื่อมสภาพเต็มด้วยสารพิษ และล่าสุดหมอกควันและมลพิษทางอากาศ ทั้ง PM2.5 PM10ได้กลายเป็นปัญหาใหม่กำลังกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน ซึ่ง1 ปีที่ผ่านมา เป็นตัวอย่างที่ดีว่า ถ้าไม่ทำอะไร เราก็จะต้องทนทุกข์ทรมานกับอากาศเป็นพิษ ที่จะแย่ลงทุกปี สะสมกลายเป็นโรคร้ายที่อยู่ในตัวของทุกคน


นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ล่าสุดคณะทำงานฯ ได้ไปที่จ.เชียงใหม่ เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว พบว่าทุกคนลำบากมาก เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ทุกคนต่างได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้ ในวันสิ่งแวดล้อมโลก เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้จัดเสวนาพิเศษขึ้น โดยได้เชิญ ศ.Junji Cao ผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษทางอากาศจากประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังประสบปัญหามลพิษทางอากาศอย่างรุนแรง มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญของไทย ถึงแนวทางแก้ไขปัญหา 


นายกอบศักดิ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ต้องคุยกับผู้เชี่ยวชาญของจีน ก็เพราะปัญหาที่รุนแรง มักนำมาซึ่งการพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ประเทศจีนในปัจจุบันจึงเป็นผู้นำโลกในการศึกษาและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยหนึ่งในเรื่องที่หารือ คือ การนำเทคโนโลยีของจีน คือหอคอยกรองอากาศ (Air Purification Tower) มาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีฟิวเตอร์ แผ่นกรองอากาศใหม่ๆ รวมทั้ง การนำเอาซังต้นไม้ ใบไม้ต่างๆ มาใช้ในการผลิตไฟฟ้า เพื่อลดการเผาในที่เปิด ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญของจีนพร้อมให้ความร่วมมือในเรื่องเหล่านี้ พร้อมกันนี้ อีกเรื่องที่น่าดีใจ ก็คือ ขณะนี้กลุ่มนักวิชาการชั้นนำของไทยกำลังเร่งทำงาน เพื่อยกร่างกฏหมายอากาศสะอาด (Clean Air Act) เป็นครั้งแรกสำหรับไทย ซึ่งหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ อังกฤษ สิงคโปร์ มาเลเซีย ต่างมีกันมานานแล้ว และสำหรับไทย หากสำเร็จ ก็จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอากาศในไทยต่อไป




“ถ้าอากาศสะอาด ทุกคนก็จะหายใจด้วยความสบายใจ แต่ถ้าอากาศสกปรกเต็มด้วยมลพิษ ฝุ่นละออง ทุกคนไม่มีทางหลบหนีได้ จะหายใจก็กังวลใจ สุดท้ายมลพิษนำไปสู่การเจ็บป่วยและค่าใช้จ่ายจำนวนมากของประเทศ เรื่องนี้ ทุกคนจึงต้องร่วมมือกัน ทำงานอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขให้ได้ เพื่ออากาศสะอาด ลมหายใจของทุกคน” นายกอบศักดิ์ กล่าว