ทำอะไรย่อมรู้ดี “ก้อย” จบดราม่า บินดูบอลสเปน แจงรีวิวเมจิกสกิน ปล่อยไปตามกฎหมาย

2019-06-07 11:55:31

ทำอะไรย่อมรู้ดี “ก้อย” จบดราม่า บินดูบอลสเปน แจงรีวิวเมจิกสกิน ปล่อยไปตามกฎหมาย

Advertisement

เคลียร์ชัด !! “ก้อย รัชวิน” ไม่หวั่นคนมองใช้เงินบริจาค บินลัดฟ้าดูบอลกับ “ตูน บอดี้สแลม” แจงกรณี รีวิวเมจิกสกิน ให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมา

ช่วงนี้งานเข้าอยู่หลายเรื่องทำให้ปวดหัวกันไปเลย สำหรับสาว “ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ” ที่ก่อนหน้านี้บินไปดูฟุตบอลกับ “ตูน บอดี้แสลม” แล้วมีบางคนออกมาพูดว่าทั้งสองได้นำเงินจากโครงการวิ่งการกุศลไปใช้ในครั้งนี้ จนส่วนที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ให้กระจ่าง ล่าสุดเจอสาวก้อยเลยสอบถามถึงเรื่องนี้ พร้อมถามถึงเรื่องคดีรีวิวสินค้าเมจิกสกินโดยเจ้าตัวได้เผยว่า…




ทริปสเปนล่าสุดคือตั้งใจไปดูฟุตบอลเลยใช่ไหม ? 

“ใช่ค่ะ เป็นทริปวันเกิดของพี่ตูนค่ะ (ยิ้ม)”

มีให้ของขวัญอะไรพิเศษบ้างไหม ? 

“ไม่ค่ะ ได้เซอร์ไพรส์กันไปแล้วก่อนที่จะไปถึงสเปน”

ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าของขวัญทุกปีจะค่อนข้างหายาก แล้วปีนี้ให้อะไร ? 

“ไม่กล้าบอกเลยอาย (หัวเราะ) ซื้อเก้าอี้นวดไฟฟ้าให้ค่ะ (หัวเราะ) คือมันเป็นของขวัญของคนวัย 40 มากๆ ก้อยก็ไม่ได้ถ่ายรูปลงไอจี เพราะว่าให้กันก่อนจะบินค่ะ”






ให้แล้วฟีดแบคเป็นยังไง ? 

“คือที่ผ่านมาเวลาไปเดินห้างด้วยกันเขาก็จะมองตลอด แล้วก็บอกว่าอยากได้ๆ แต่เขาก็ไม่เคยซื้อ เหมือนเขาอยากได้แหละ แต่ก็ยังไม่ได่เร่งรีบอะไร ดิฉันต้องไปลองก่อนว่ามันนวดดีหรือเปล่า เพราะเรารู้สึกว่าเขาใช้ร่างกายเยอะ แล้วเวลาเขากลับบ้านก็อยากให้เขาผ่อนคลายที่สุด”

พี่ตูนได้ใช้หรือยัง ? 

“ใช้แล้วค่ะ เขาก็บอกว่าชอบ คือมันเป็นของขวัญที่มันเกินคาดหมาย เขาก็ไม่คิดว่าเราจะให้อะไรแบบนี้ พอเราให้คนขนไปที่บ้านเขา เขาก็เหวอๆ นิดนึง”

ทริปนี้ไปเที่ยวกันกี่วัน ? 

“5 วันเอง”






มีดราม่าว่าพี่ตูนเอาเงินจากโครงการก้าวไปเที่ยวครั้งนี้ ? 

“สารภาพเลยว่าก้อยเป็นคนไม่ค่อยเสพข่าว ไม่ได้อ่านพวกเฟสบุ๊ค ก็เลยไม่ค่อยได้รู้ว่ามีข่าวอะไรแบบนี้ ตัวก้อยเองก็มีเพื่อน มีคนส่งมาให้กำลังใจเยอะ เราก็ยังคิดว่าให้กำลังใจเรื่องฟุตบอลหรืออะไร (หัวเราะ) เราก็คิดว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายก็ทราบว่าสาเหตุมันมาจากเพราะอะไร แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรค่ะ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเราทำอะไร และเราก็เชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ

ท้อไหมเจอข่าวแบบนี้ ? 

“ถ้าเราคิดว่าเราจะทำความดี แต่กลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี ก้อยว่าตรรกะนั้นผิด ในเมื่อเราเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำและเรารู้ว่าเราทำเพื่ออะไร แทนที่เราจะโฟกัสคำพูดคนระหว่างทาง เราไปมองปลายทางที่มันมีความสุขว่าสิ่งที่เราทำมันได้ช่วยเหลือคน ได้ช่วยชีวิตคนมันดีกว่าไหม ก้อยก็เลยไม่ได้ซีเรียสอะไรกับคำพูดที่เขาพูดกัน มันอาจจะบั่นทอนนะ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้เราต้องหยุด คือถ้าเราหยุดทำเพราะคำพูดคนใดคนนึงแค่คำพูดเดียว ก้อยว่ามันน่าเสียดาย”




พี่ตูนว่ายังไงบ้าง ? 

“เขาทราบค่ะ แต่เราก็เข้าใจว่าในสิ่งที่พี่ตูนคิดหรือพยายามทำอยู่บนพื้นฐาน คือเราไม่อยากจะไปรบกวน ไปกระทบใคร หรือไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครเลยแม้แต่นิดเดียว เราพยายามทำอย่างดีที่สุด และรอบคอบในทุกมิติ แต่ว่าคนอื่นจะคิดยังไงก็ห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน

เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าถ้าทุกคนเคารพกัน ถ้าสิ่งที่เราทำมันไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร หรือว่ามันไม่ไปทำร้ายใคร เราก็ยังอยากจะทำมันต่อไป แล้วเราก็ไม่เคยบังคับให้ใครมาทำกับเรา เราจะพูดอยู่เสมอว่ามันเป็นการรวมกันของคนไทยเล็กๆ น้อยๆ นะ ใครมีเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้นนะ เราไม่เคยไปบอกว่าคุณต้องบริจาคเท่า​นี้ๆ ไม่มีค่ะ”

ทีมงานก้าวว่ายังไงบ้าง มีบางส่วนที่เคยทำงานกับพี่ตูนก็ออกมาโพสต์น้อยใจ ? 

“ก้อยว่าทุกคนเข้าใจ เราผ่านกันมาปีที่ 3 แล้วสำหรับการทำในครั้งนี้ และปีนี้เราเลือกที่จะช่วยโรงพยาบาลที่อยู่ในระดับชุมชน เพราะเรามองเห็นว่าเราอยากจะลงไปช่วยในระดับลึกๆ บ้างที่เราอาจจะมองไม่เห็นกัน ซึ่งเราก็คิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นเรามองปลายทางว่าเราได้ช่วยใครดีกว่า”






ถามถึงกรณีเมจิกสกิน วันนี้เจ้าหน้าที่พิจารณาว่ามีความผิดแล้ว มีชื่อเราด้วย ?  

“จริงๆ ครั้งที่แล้วที่ก้อยมีโอกาสเข้าชี้แจงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร คือถ้าเกิดเรายืนยันในความบริสุทธิ์ใจของเรา ณ ตอนนั้นก้อยก็คงเหมือนกับพี่ๆ น้องๆ ดาราหลายๆ ท่านที่เราเองก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงในตัวของผลิตภัณฑ์ แล้วเราก็โดนอย่างนั้น ก็คงเหมือนหลายๆ คนที่รับงานมาโดยที่ถูกปิดบังข้อเท็จจริงจากตัวเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ซึ่ง ณ วันนี้เราทราบแล้ว เราไปพบตำรวจแล้วและแจ้งทั้งหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทางตำรวจก็ทราบดีและเราก็เป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ ค่ะ”

ถ้าต้องโดนเรียกเข้าไปอีกครั้ง เรากังวลใจไหม ?

“ก้อยว่าก็คงต้องชี้แจงกันไป อธิบายกันไป ก็ให้ดำเนินไปตามกฎหมายค่ะ แต่ว่าส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไร เพราะว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดตั้งแต่ต้น คือถ้าสิ่งที่ผิดก้อยจะรู้สึกว่าการนำเสนอหรือการรีวิวสินค้า โดยที่สินค้านั้นมันไม่ปลอดภัย อันนี้ถ้าทางจรรยาบรรณก้อยว่ามันก็ไม่ดี แล้วยิ่งเรามาทำโปรดักตัวเองเราจะยิ่งรู้เลยว่าต้องรอบคอบมากๆ ต้องมั่นใจมากๆ ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันปลอดภัยต่อคนอื่น

ตรงนี้ก้อยก็อยากจะชี้แจงและถ้าเรา​โอกาสได้คุยกับทางตำรวจ ก็จะบอกว่าเราก็เป็นหนึ่งคนเหมือนกันที่โดนกระทำในเรื่องนี้ค่ะ เพราะเป็นหนึ่งในผู้บริโภคเหมือนกันค่ะ”




ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางตำรวจใช่ไหม ? 

“ก้อยเพิ่งลงเครื่องมาเมื่อเช้า ตอน 7 โมงก็เลยยังไม่แน่ใจค่ะ ก็เพิ่งทราบจากพี่ๆ นักข่าวเหมือนกัน”

แต่เขามีกำหนดอัตราโทษมาแล้ว มีทั้งจำคุก ทั้งปรับ ?

“ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมายค่ะ แต่คิดว่าเท่าที่ก้อยได้คุยกับทางตำรวจครั้งที่แล้วตำรวจได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าอาจจะมีการไต่สวนเพิ่ม เพราะเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีใหญ่มาก และทางเจ้าหน้าที่กับทางเจ้าของผลิตภัณฑ์เองเขายังไม่ปิดคดีกัน ก็อาจจะมีการเรียกคนที่มีส่วนร่วมเข้าไปพูดคุย เข้าไปชี้แจงเพิ่มค่ะ”

เราเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากกรณีนี้ใช่ไหม ? 

“ใช่ค่ะ ก้อยคิดว่าเราบริสุทธิ์ใจ และเราเองก็ไม่ได้หลบหนี ตำรวจเรียกมาหรือใครเรียกมาเราก็ออกมาชี้แจงในมุมของเราค่ะ”




ขอบคุณรูปจากอินสตาแกรม: @rachwinwong